คนจนคนรวยคิดต่างกัน เคล็ดลับอะไรที่คนรวยใช้สร้างความสำเร็จในชีวิต

                ความแต่ต่างระหว่างคนประสบความสำเร็จในชีวิตกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต หากจะให้เปรียบเทียบกันในด้านสรีระร่างกาย  คนทั้งสองประเภทก็มีครบทั้ง 32 ประการเหมือนๆกัน  โดยไม่นับรวมคนที่โชคร้ายที่พิกลพิการก็มีอยู่บ้าง  นอกจากนี้คนทั้งสองประเภทก็อยู่ภายใต้กฎแห่งธรรมชาติที่เหมือนๆกัน ไม่ว่าจะเป็นการเกิด เจริญเติบโต แก่ เจ็บแล้วก็ตายคืนสู่ธรรมชาติ      แต่สิ่งที่แตกต่างและสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนคือ รูปแบบการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันไป  โดยเฉพาะคนรวยที่ประสบความสำเร็จ จะมีชีวิตแสนสุขสบาย มีอำนาจเงินซื้อความสะดวกสบายให้แก่ตนเอง รวมทั้งซื้อปัจจัยต่างๆที่สร้างความสุขให้ชีวิต  ตรงกันข้ามกับคนจนหรือคนทั่วไปที่มีเงินน้อย มีเงินหรือกำลังซื้อน้อย ก็มักจะใช้ชีวิตได้ตามอัตภาพที่ตนเองพึงมี  โดยปัจจัยความสำเร็จที่ถูกค้นพบจากคนที่ร่ำรวยคือ พลังแห่งความคิดที่ีส่งผลต่อความสำเร็จ จึงเป็นที่มาของบทความ คนจนคนรวยคิดต่างกัน

คนจนคนรวยคิดต่างกัน

คนจนคนรวยคิดต่างกัน

           ความคิดที่ต่างกันระหว่างคนทั้งสองประเภทอาทิเช่นคนทั่วไปที่ขาดความเชื่อมั่นและไม่มีความฝัน จะไม่ลงมือทำคิดการใหญ่ใดๆที่จะทำให้ตนเองประสบความสำเร็จในชีวิต ตรงกันข้ามกับเรื่องที่คนประสบความสำเร็จทำ พวกเขาจะคิดการใหญ่และลงมือทำจนประสบความสำเร็จ

         แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนจนจะทำไม่ได้  เพราะสิ่งที่คนรวยคิดมันก็ไม่ได้เป็นทฤษฏีที่วิเศษอะไร  หลักวิธีคิดของพวกเขาล้วนแล้ว  เกิดขึ้นจากสิ่งง่ายๆ  เพียงแต่พวกเขาชอบที่จะค้นหาโอกาส บนความแตกต่างที่คนทั่วไปยังมองไม่เห็นและคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วหลังจากคนรวยคิด พวกเขาจะลงมือทำด้วยความเชื่อมั่นเช่น  เรื่องจริง ที่ JackMa Alibaba คิดและลงมือทำ จากแนวคิดที่ว่าความก้าวหน้าเทคโนโลยี จะทำให้การค้า-ขาย ในอนาคตจะอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ท  แทนที่การแสดงสินค้าตามชั้นวางในอาคารสถานที่ต่างๆ จึงทำให้เขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย  กลายเป็นมหาเศรษฐี ในเวลาต่อมา

คนจนคนรวยคิดต่างกัน มีดังต่อไปนี้

            1. ด้านความเชื่อมั่น  ในขณะที่คนจนหรือคนทั่วไปชอบสงสัย แต่คนรวยจะชอบลงมือทำ สำหรับการลงทุนในธุรกิจต่างๆ คนรวยที่ประสบความสำเร็จโดยส่วนมากแล้ว หากคิดดีจนตกผลึกแล้วพวกเขาจะรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วน ด้วยการศึกษาหลักฐานและการค้นคว้าหาข้อมูล  เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ รวมทั้งการใช้เครื่องมือและระบบต่างๆ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนทางธุรกิจ หลังจากนั้นพวกเขาจะลงมือทำด้วยความเชื่อมั่น จากความรู้สึกเชื่อมั่นจะกลายเป็นแรงกระตุ้น และแรงพลักดัน ด้วยตัวพวกเขาเองโดยไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค์ต่างๆ  ดังนั้นโอกาสประสบความสำเร็จและการสร้างกำไรจะมีพลังเพื่มมากขึ้น

           ทักษะความเชื่อมั่น จะถูกพัฒนาขึ้นตามประสบการณ์ การเรียนรู้และสามารถยอมรับความสำเร็จหรือความผิดพลาดได้  ความรับผิดชอบจากการตัดสินใจ ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาทักษะด้านความเชื่อมั่น ความเชื่อมั่นจะเพิ่มขึ้นจากจำนวนครั้งของ ความสำเร็จและการเรียนรู้ได้จากความล้มเหลว  เป็นการพัฒนาทักษะการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง

           ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จคือ  ได้เรียนรู้ วิธีต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรค ที่เข้ามาขวางกั้นขั้นตอนไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นผู้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความกล้าหาญ ความเชื่อมั่นและความศรัทธาในทักษะความสามารถของตนเอง

         เทคนิคสร้างความเชื่อมั่นในตนเองคือ มีความรับผิดชอบ การเอาใจใส่ในงาน คิดเสมอว่าในการลงมือทำสิ่งต่างๆนั้นจะต้องเอาแบบชั้นหนึ่ง พัฒนาทักษะ สร้างองค์ความรู้ให้ตนเองอย่างต่อเนื่อง  เพราะมันจะสร้างความมั่นใจในความสามารถและทักษะของตนเอง

         คนรวยพวกเขาจะไม่ท้อแท้สิ้นหวัง ถึงแม้ว่าจะพบกับความล้มเหลว พวกเขาพร้อมที่จะเรียนรู้และสามารถค้นหาประโยชน์จากความล้มเหลว คนรวยจะมีความมั่นใจเพราะจะช่วยลดความลังเล ถึงแม้ว่าจะมีความคิดจากคนอื่นๆที่ไม่ตรงกับความคิดของตน  คนรวยเขาจะเชื่อมั่นในวิธีที่พวกเขาคิด เทคนิคคือการค้นหาวิธีและพิสูจน์ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้ได้รับชัยชนะอยู่เสมอ

ตัดสินใจ

           2. ด้านการตัดสินใจ  คนรวยที่ประสบความสำเร็จจะตัดสินใจ  ในขณะที่คนจนทั่วไปมัวแต่นั่งรอโอกาส  คนรวยจะตัดสินใจ ถึงแม้ว่าบางครั้งยังไม่รู้ด้ายซ้ำว่าสิ่งที่กำลังจะสร้างความสำเร็จได้หรือไม่   และทุกๆครั้งที่ไม่ประสบความสำเร็จพวกเขาจะยอมรับในความผิดพลาด แล้วเรียนรู้และมองหาโอกาสจากความล้มเหลว การตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากตนเอง จะเกิดพลังผลักดันไปสู่การลงมือปฏิบัติ  แล้วการลงมือทำช่วยสร้างทักษะเพื่อดึงเอาความรู้และความสามารถที่ตนเองมีออกมาใช้งาน

         เทคนิคที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการตัดสินใจได้ดีขึ้นคือ การหาข้อมูลข้อเท็จจริงให้มากขึ้น  เพิ่มทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ด้วยการถามทำไมๆ.. ไปจนถึงจุดที่เป็นต้นตอของปัญหา  ขจัดความลังเลด้วยการฝึกตัดสินใจให้เร็วขึ้น  แล้วจะเกิดการเรียนรู้

คนจนคนรวยคิดต่างกัน

          3. ความรู้คือองค์ประกอบแห่งความสำเร็จ 40 % ซึ่งบวกกับพลังจิตอีก 60%  ที่ทำให้คนรวยสร้างความสำเร็จได้  คนรวยจะเรียนรู้และศึกษาความรู้ใหม่ๆใน  ขณะที่คนจนทั่วไปมัวแต่นั่งรอผู้อื่นมาสอนให้  เมื่อทุกๆสิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันโลกของเราเองก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด อันเกิดขึ้นจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์  โดยที่ความรู้ความสามารถในยุคอตีดบางอย่าง  ก็ไม่สามารถใช้สร้างความสำเร็จในปัจจบันหรือยุคนี้ได้  ซึ่งรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของชีวิตมักมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะคือ 1) การเปลี่ยนแปลงเพราะสภาพแวดล้อมรอบตัวเอง บีบบังคับให้เราต้องเปลี่ยน   2) เปลี่ยนแปลงเพราะมีความรู้และความเข้าใจในสิ่งๆ นั้นเป็นอย่างดี ซึ่งแนวความคิดที่คนรวยต่างจากคนจนคือ พวกเขามักเปลี่ยนจากสิ่งที่พวกเขามีความรู้

         อำนาจที่มีพลังในตัวของมันเองมากที่สุดคือ ความรู้ การศึกษา เช่น ความรู้ในการทำธุรกิจ  พวกเขาก็จะใช้องค์ความรู้ที่มีอำนาจในการเจรจาต่อรอง ความรู้ด้านการวิเคราะห์อัตราส่วนต่างๆทางการเงินจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้  ความรู้ช่วยเพิ่มทักษะความสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น  การได้มาซึ่งอำนาจทางความรู้นั้นยังเป็นการลงทุนที่ใช้เงินทุนค่อนข้างต่ำแต่ให้ผลประโยชน์ไม่เป็นที่สินสุด  ความรู้จะนำมาซึ่งความสำเร็จ ดังนั้นต้องศึกษาหาความรู้ที่หลากหลายด้านและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพราะจะช่วยชี้นำ ชีวิตไปสู่สิ่งที่มุ่งหวังไว้ในอนาคตได้

         เทคนิคในการสร้างความสำเร็จด้วยการเรียนรู้  1) การย่นเวลาการเรียนรู้  ด้วยวิธีศึกษาทัศนคติ แนวคิด คติประจำใจ การพัฒนาตนเอง  จากไอดอลหรือมหาเศรษฐี หรือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านต่างๆที่ตนเองสนใจ  2)  การนำตนเองไปอยู้ใกล้คนที่ประสบความสำเร็จด้วยการอ่านหนังสือ การฟังสัมมนา หรือหากเป็นไปได้ ก็ไปอาศัยอยู่ด้วยกับคนที่ประสบความสำเร็จ

คนจนคนรวยคิดต่างกัน

           4. ทักษะด้านการวางแผน  คนรวยที่ประสบความสำเร็จจะวางแผนการใหญ่หรือคิดการใหญ่ ในขณะที่คนจนทั่วๆไปมัวแต่คิดเล็กๆ  เพราะคนจนกลัวว่าการทำอะไรที่ต้องใช้เงินทุนสูงเมื่อไม่ประสบความสำเร็จจะทำให้ตนเองเป็นหนี้สินมาก แต่ผลดีของการคิดแผนการใหญ่คือมันจะมีพลังในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ  เพราะแผนการใหญ่ เมื่อลงมือทำจนประสบความสำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้ มันจะมีคุณค่ามากพอ สำหรับการต่อสู้เพื่อเอาชนะปัญหา นอกจากนี้ประโยชน์ของการวางแผนยังมีอีกมากมายอาทิเช่น ช่วยทำให้เรารู้ได้ว่าสิ่งที่ลงทุนจนถึงขั้นสำเร็จ  เป็นไปตามแผนและมันคุ้มค่าหรือไม่  แล้วหากการลงมือทำในปัจจุบันมันยังห่างไกลและเป้าหมาย  จะได้คิดปรับเปลี่ยนหรือหาวิธีการที่ดีกว่าเพื่อจะก้าวไปสู่เส้นชัยได้ทันเวลาตามที่คาดหวัง

         คนรวยกล้าคิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก เพราะการคิดเล็กจะทำให้เสียเวลา คิดใหญ่จะทำให้คุณค่าของความสำเร็จมันมากพอ ที่จะทำให้ชีวิตดี มีความสุขกับการใช้ชีวิต การคิดใหญ่จะช่วยสร้างแรงปรารถนา ช่วยสร้างพลังแห่งความทะเยอทะยาน มีขวัญกำลังใจที่จะลงมือทำทุกสิ่งอย่าง เพื่อจะได้ครอบครองสิ่งที่เป็นเป้าหมาย พลังแห่งการคิดใหญ่ จะไม่ทำให้เกิดความท้อแท้ ในวันที่ลงมือทำแล้ว ยังไม่พบกับความสำเร็จ

       เทคนิคด้านการวางแผน แผนจะต้องประกอบด้วย จะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไรจะลงมือทำจนแล้วเสร็จ และในแต่ละแผนต้องบอกได้ว่าเมื่อทำจนแล้วเสร็จ  จะได้รับอะไรเป็นสิ่งตอบแทน

คนจนคนรวยคิดต่างกัน

            5. การลงมือทำ  คนรวยที่ประสบความสำเร็จจะลงมือทำทันที ในขณะที่คนจนทั่วไปมัวแต่ปรารถนา  แรงปรารถนาและจินตนาการถือว่า สำคัญสำหรับการเริ่มต้นลงมือทำ แต่แรงปรารถนาแม้จะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน ก็จะไม่สามารถสร้างความสำเร็จได้ ถ้ายังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ

           คนจนคนรวยคิดต่างกัน คือ คนรวยจะเข้าใจ สมการแห่งความสำเร็จคือ  “คิด” บวกกับ “การลงมือทำ” มากกว่าคนจนทั่วไปนอกจากไม่มีแผน ยังไม่ลงมือทำอีกต่างหาก การลงมือปฏิบัติจะช่วยทำให้การเรียนรู้ได้เร็วขึ้น เพราะประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติจริง ช่วยพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ให้กลายเป็นความชำนาญได้มากกว่า เพียงเพราะได้ฟังคนอื่นพูดบอกต่อๆกันมา

         ถึงแม้ว่าการลงมือทำในบางครั้ง จะนำมาซึ่งความล้มเหลว แต่บนความล้มเหลว ก็สามารถเรียนรู้และมองหาประโยชน์จากความผิดพลาดได้  เพราะประสบการณ์จะสร้างความพร้อมและกลายเป็นผู้ได้รับโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

        การลงมือทำบ่อยๆ แล้วจะประสบความสำเร็จ จะเกิดการเรียนรู้ซ้ำ แล้วการเรียนรู้ซ้ำ จะทำให้กลายเป็นนักปราชญ์แห่งความสำเร็จ การเรียนรู้ซ้ำๆจะช่วยทำให้ปัญหาเดิม เปรียบเสมือนเพียงมดตัวเล็กๆ ที่เป็นได้เพียงแค่สิ่งกวนใจเท่านั้น ซึ่งไม่มีนัยสำคัญต่อการเป็นคนรวยใดๆได้เลย

ความพากเพียร

              6. ด้านความพากเพียร  คนรวยที่ประสบความสำเร็จจะพากเพียรและมองไปข้างหน้า ในขณะที่คนจนทั่วไปมัวคิดหาวิธี  จะล้มเลิกงานที่ทำอย่างไรให้เสียหายน้อยที่สุด   การทำงานหรือการทำธุรกิจใดๆย่อมมีอุปสรรคปัญหาเกิดขึ้น  ในรหว่างการลงมือปฏิบัติเสมอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกฎธรรมชาติ  หากการงานใดไร้ซึ่งอุปสรรคปัญหา จะมีเพียงอยู่ 2 อย่างคือ การงานนั้นเราไม่ได้ลงมือทำ หรือไม่ก็การงานนั้นมันง่ายมาก  แต่ความยากง่ายของการงาน มักจะควบคู่กับคุณค่าของงานเสมอ ไม่มีการงานใด ที่ลงมือทำง่ายๆ แล้วให้ผลตอบแทนสูง  จงทำงานหนักสำหรับงานที่มีคูณค่างานสูง ให้บรรลุความสำเร็จ คุณค่าของความเพียรที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ จะช่วยสร้างความมั่นใจและสร้างความภาคภูมิใจ ในความรู้ความสามารถ

              ตรงกันข้ามสำหรับคนจนและคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต  โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่ทำแบบครึ่งๆกลางๆ ทำเล่นๆ ในขณะที่เผชิญปัญหา ก็มักจะล้มเลิก เมื่อล้มเลิกบ่อยๆเข้า ก็มักจะทำให้ตนเองคิดลบ จนทำให้ตนเองเข้าสู่วัฏจักรท้อแท้ล้มเหลว ล้มเลิก ไม่ประสบความสำเร็จ

               สรุป คนจนคนรวยคิดต่างกัน จากความคิด ความเชื่อมั่นและการตัดสินใจในสิ่งที่เขาเชื่อ  ว่ามันเป็นไปได้ พวกเขาจะมองหาหนทางไปสู่ความสำเร็จ ด้วยการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องที่พวกเขาชอบและสนใจ การเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง  ด้วยการลงมือปฏิบัติ จึงทำให้คนรวยกลายเป็นคน ที่มีความชำนาญ  เป็นปรมาจารย์ เป็นกูรูแห่งความสำเร็จด้านนั้นๆ

             นอกจากนั้นคนที่ประสบความสำเร็จ มักตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ก่อนลงมือทำ และก่อนที่พวกเขาจะลงมือทำ จะต้องสร้างแผนการเสมอ  โดยคนรวยพวกเขาจะต้องคาดการณ์ได้ว่า ภายหลังจากการลงมือทำจนสำเร็จแล้ว จะได้รับอะไรเป็นการตอบแทน ผลลัพธ์แห่งความประสบความสำเร็จนั้น มีคุณค่าเพียงพอที่จะลงทุนหรือไม่  คนรวยจะวางแผนใหญ่  คิดการใหญ่  แล้วลงมือทำทันที

            นอกจากนั้น คนจนคนรวยคิดต่างกัน คือ คนรวยมัก จะจัดลำดับความสำคัญของงาน โดยให้ความสำคัญกับงานที่สำคัญและเร่งด่วน ก่อนงานอื่นๆ ที่สามารถให้ใครๆก็ได้ทำงานแทนตนเอง คนรวยที่ประสบความสำเร็จจะไม่ย่อท้อ ไม่ลดละความพยายาม มีความมุ่งมั่น ขยันหมั่นเพียร

       ดังนั้นการอยากจะเป็นคนรวยอย่ามัวแต่รอ จงรีบตัดสินใจทำ ทุ่มเทให้กับงานที่มีคุณค่าต่อชีวิต แล้วอย่าลืมที่จะทำตัวเองเป็นผู้ให้  หลังจากประสบความสำเร็จ  เพราะความร่ำรวยอย่างมีคุณค่า วัดได้จำนวนคนที่ประสบความสำเร็จที่คุณได้ส่งต่อความรู้ให้แก่พวกเขา ด้วยการถ่ายทอดวิชา เพื่อให้คนอื่นๆได้ใช้ความรู้ ไปทำมาหากินได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง และสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้ และนั่นคือ บารมีของคนรวย

บทความที่น่าสนใจ  7 อุปนิสัย พัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง Proactive สำเร็จได้ ชีวิตสร้างได้

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *