คนรวย เขา ทำอะไร กัน 13 แนวคิด 5 เทคนิควิธีก้าวข้ามอุปสรรคทางด้านการเงิน

              คนรวย เขา ทำอะไร กัน  เป็นคำถามเพื่อค้นหาวิธีคิดและการกระทำที่แตกต่างของคนรวยๆที่ทำให้พวกเขารวย ในเมื่อคนรวยทำได้ คนทั่วๆไปอย่างก็สามารถสร้างความสำเร็จได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าพื้นฐานของทุกๆคนไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่คนรวยหรือคนจนมีเท่าๆกันนั้นก็คือร่างกายและความคิด  

           สิ่งที่คนทั่วไปกับคนรวยแตกต่างกันคือ วิธีคิด การกระทำ วิถีการดำรงชีวิต  ถึงทำให้พวกเขามีเงินมากมาย  เช่น อาชีพที่ทำ การลงทุนซื้อทรัพย์สินและวิธีหาเงินต่างๆ  โดยที่พวกเขาก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ เหมือนกับคนทั่วไป แต่ทำไมพวกเขาถึงสามารถรักษาความร่ำรวยและอยู่รอดมาถึงปัจจุบันนี้ได้อย่างไร 

คนรวย เขา ทำอะไร กัน

คนรวย เขา ทำอะไร กัน

            เหตุที่ทุกคนอยากรวย เพราะสิ่งดี่ๆจะเกิดขึ้นกับการเป็นคนรวย  

         รวยแล้วคุณภาพชีวิตดี มีความสุข เพราะการมีเงินมาก ก็คือผู้ที่มีอำนาจมาก เพราะเงินสามารถจับจ่ายซื้อสิ่งของต่างๆได้ เป็นการสร้างความสะดวกสบายได้มากมาย อาทิเช่น ซื้อบ้านซื้อรถ ซื้อตั๋วเดินทางท่องเที่ยว การมีเงินมากย่อมมีเวลามากขึ้น มีเงินมากย่อมสามารถสร้างคุณงามความดีได้มากขึ้น การมีเงินมากย่อมสามารถเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และช่วยเหลือผู้ยากไร้คนอื่นๆได้

       จึงทำให้ชีวิตคนรวยมีความสุขทั้งกายและทางใจ รวมทั้งการสร้างบุญบารมีได้ คนรวยยิ่งรวยด้วยการให้ ผู้ให้ย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญ ผู้ให้ย่อมได้รับมากกว่าผู้รับเสมอ เช่น บิลล์ เกตส์ คนที่ร่ำรวยอันดับ 1 ของโลกผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ เขาเป็นมหาเศรษฐีที่บริจาคเงินให้องค์กรการกุศลมากมาย โดยเงินที่เขาบริจาคมีมูลค่ามหาศาลถึง 2.9 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณแผ่นดินประเทศไทยปี 2559 อยู่ที่ 2.72 ล้านล้านบาท แต่เขากลับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นทุกๆปี

        บทความนี้ขอนำเสนอคำตอบของคำถาม คนรวย เขา ทำอะไร กัน  ซึ่งเราสามารถเลียนแบบและสร้างความร่ำรวยได้ดังต่อไปนี้

คนรวย เขา ทำอะไร กัน

  1. คนรวยชอบทำงานเพื่อการเรียนรู้ มุ่งสนใจงาน ที่สร้างทักษะได้หลากหลายด้าน  ทักษะที่พวกเขาใส่ใจมากและให้ความสำคัญสูงสุดนั้นคือ ความรู้ทางด้านการเงินและการลงทุน การซื้อทรัพย์สินที่สร้างรายได้  โดยพวกเขาจะทุ่มเทและสละเวลาส่วนใหญ่ให้ ในการเรียนรู้วิธีการสร้างเงิน

  2. คนรวยจะอุทิศเวลาให้กับการสร้างทรัพย์สินมากกว่า การให้เวลากับการสร้างความสุขแบบฉาบฉวย เช่นการดูหนัง ละคร โดยรูปแบบทรัพย์สินคนรวยให้ความสนใจ คือทรัพย์สินที่สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปของเงิน ที่เรียกว่าเงินเข้ากระเป๋า  หลังจากนั้นพวกเขาจะนำเงินสดที่ได้ไปสร้างทรัพย์สินหลายๆด้าน เป็นการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสให้เงินงอกเงย แล้วจึงค่อยนำเงินที่ได้ไปซื้อความสุข

  3. คนรวยจะใช้เงินก็ต่อเมื่อ เงินสดที่ได้รับนั้นเกิดขึ้นจากการอกเงยของทรัพย์สิน ก่อนที่จะนำเงินที่มีไปซื้อความสะดวกสบาย โดยที่พวกเขาจะไม่ซื้อความสะดวกสบายก่อน การลงทุนซื้อทรัพย์สิน  เพราะคนรวยรู้ดีว่าอะไรคือ หนี้สินและอะไรคือทรัพย์สิน “คำจำกัดความง่ายๆ ของหนี้สินคือ เงินออกจากกระเป๋า ส่วนทรัพย์สินคือเงินเข้ากระเป๋า”

  4. คนรวยจะลงทุนเมื่อพวกเขารู้ว่า ทรัพย์สินนั้นควรลงทุน คนรวยมักจะค้นหาธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง แต่จะใช้คนอื่นที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อทำงานให้ในสิ่งที่ตนเองไม่ถนัด เช่นจ้างผู้อื่นวิเคราะห์ตัวเลขทางการเงินให้  ก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนที่คนรวยนิยมเช่น การซื้อหุ้นกองทุน ซื้ออสังหาริมทรัพย์ การลงทุนสร้างคอนโดให้คนอื่นเช่า หรืออาชีพอื่นๆ เช่นงานเขียนหรือบทเพลงที่เป็นลิขสิทธิ์ ธุรกิจแฟรนไชส์ เพราะอาชีพเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ในรูปแบบ Passive Income  ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไปที่ชอบซื้อแบบเป็นหนี้สินเช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มือถือซึ่งมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารทุกๆเดือน

  5. เรียนรู้จากของจริง รูปแบบการทำงานของคนรวยคือ การเรียนรู้วิธีให้เงินทำงานหนักแทนการใช้แรง ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วๆไปที่ต้องใช้แรงงานทำเงินให้กับคนรวยเพื่อแลกกับเงิน  คนรวยไม่ได้ลงทุนเพียงด้านใดด้านหนึ่ง จึงสามารถลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้  โดยเทคนิคการเรียนรู้ด้านการเงินของคนรวยนั้น ก็มักจะนำความรู้ที่ได้ในห้องเรียน ไปลงทุนด้วยการปฏิบัติกับของจริง  จึงทำให้คนรวยมีสติปัญญาและมีทักษะการแก้ไขปัญหาได้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้เป็นอย่างดี

  6. ทำงานอย่างหนักและจริงใจกับงานที่สำคัญ เหตุผลของคนรวยที่พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักและการทุ่มเทพลังให้กับการประกอบอาชีพ ก็คือต้องให้เงินที่ได้นั้น เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข

  7. คนรวยชอบหาวิธีเลี่ยงภาษีหรือ การใช้ประโยชน์ทางด้านภาษี ด้วยการจัดตั้งบริษัทจำกัด  เพราะข้อดีของการจัดตั้งบริษัทจำกัดที่คนจนไม่รู้คือ บริษัทจำกัดไม่จำเป็นต้องมีสถานที่ใหญ่โต ไม่จำเป็นต้องมีพนักงาน มีแค่เพียงเอกสารแล้วยังสามารถเสียภาษีได้ต่ำกว่าคนทั่วไป  และที่สำคัญการตั้งบริษัทจำกัด สามารถหักค่าใช้จ่าย ก่อนที่จะเสียภาษี  ซึ่งต่างกับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องเสียภาษีก่อนที่จะได้ใช้เงิน

  8. คนรวยจะเป็นคนกล้าหาญและกล้าที่จะลงทุน เมื่อพวกเขาเห็นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จกับการลงทุนในอนาคต พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะลงทุน แต่ทั้นนี้พวกเขาจะศึกษาความรู้ในธุรกิจที่กำลังทำอย่างถ่องแท้  ข้อดีของความกล้าหาญ เพราะมันจะปลดปล่อยอัจฉริยะภาพที่ตนเองมีอย่างเต็มที่ สร้างมั่นใจและสร้างเชื่อมั่นในศักยภาพที่ตนเองมี  ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่จะทำให้คนเราประสบความสำเร็จได้

  9. คนรวยจะเป็นคนกล้าเสี่ยง แต่ความเสี่ยงของคนรวยมักจะได้รับการจัดการก่อนที่จะลงทุน  เมื่อคนรวยสนใจการลงทุนด้านใด พวกเขาจะใส่ใจและค้นหาความรู้เรื่องนั้นเป็นพิเศษ  คนรวยจะให้ความสนใจกับข่าวสารและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง  เพราะพวกเขารู้ดีว่าความรู้ในอตีดไม่สามารถใช้กับปัจจุบันและอนาคตได้ จึงทำให้พวกเขาสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ทันสถานการณ์

  10. คนรวยเป็นคนที่มีความรู้ทางการเงิน จึงสามารถกอบโกยโอกาสต่างๆได้ดีกว่าคนทั่วๆไป ส่วนคนที่ขาดความรู้ทางการเงิน ก็ทำได้เพียงแค่เฝ้ามอง และได้แต่อิจฉาคนรวยแล้วก็เป็นทุกข์  คนทั่วไปมักจะจมอยู่กับตัวปัญหา จึงไม่กล้าที่จะลงมือทำสิ่งใด แต่คนรวยจะเรียนรู้ค้นหาสาเหตุและการแก้ปัญหา เพื่อรอรับโอกาสดีๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และก้าวไปสู่จุดมุงหมายได้

  11. คนรวยสามารถสร้างทรัพย์สินอันทรงพลัง และสร้างความมั่งคั่งให้พวกเขาได้ตลอดกาล  นั้นคือความรู้และความคิด  คนรวยจะพัฒนาความรู้และความฉลาดทางการเงิน  เพราะพวกเขารู้ว่าความรู้ทางการเงิน จะทำให้ประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน  คติประจำใจของคนรวยคือ อย่าลงทุนในสิ่งที่ตนไม่รู้  คนรวยสามารถสร้างแรงบันดาลใจ และรู้ว่าศาสตร์ทางการเงินนั้นไม่ใช่เรื่องยากและซับซ้อน ที่จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้

  12. คนรวยจะเพาะเมล็ดพันธุ์ช่องทรัพย์สินก่อน จะใช้เงินไปทำอย่างอื่น (สร้างเงินเก็บเข้ากระเป๋า) คนรวยมักให้เวลาทั้งหมดอยู่กับความฝัน ความคิด สร้างแรงบันดาลใจ การศึกษาหาความรู้และสร้างความฉลาดทางการเงินแล้วลงมือทำ คนรวยจะเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอเพื่อรอรับโอกาสดีๆที่กำลังจะมาถึง

  13. สิ่งสำคัญของคนรวยคือ  มีเป้าหมายอยู่ในใจเสมอ รู้จักความสำคัญของการเป็นผู้ให้  เพราะเป็นผู้ให้ก่อน ยอมได้รับสิ่งตอบแทนมากกว่าสิ่งให้เสมอ โดยเฉพาะความสุขทางจิตใจ ที่จะกลายเป็นพลังในการกระตุ้นตนเองให้ประสบความสำเร็จ ในขั้นถัดไป

         จากแนวคิด 13 เรื่องที่คนรวยเขาทำกัน  เป็นเส้นทางลัดสู่ความก้าวหน้าทางการเงิน ที่พวกเราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากการลองถูก-ผิด แล้วนำมาเป็นบทเรียนของตนเอง แต่เราสามารถนำแนวคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับการลงทุน การบริหารการจัดการด้านเงิน  เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เหมือนกับคนรวยมีอาณาจักรแห่งความสุข  ความรวยเป็นวัฎจักรเพราะสามารถสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น คนรวยและดีจะรวยไม่มีที่สิ้นสุด คนรวยยิ่งรวย

     คนรวย เขา ทำอะไร กัน …พ่อรวยสอนลูก Robert T.Kiyosaki วิธีก้าวข้ามอุปสรรคทางการเงิน

          แม้ว่าเส้นทางทางการเงินของพวกเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ  แต่ก็สามารถลงมือทำและก้าวข้ามอุปสรรคไปสู่เป้าหมาย ให้กลายเป็นคนมีเงินและรวยได้

        1. การเอาชนะความกลัว คงไม่มีใครชอบการเสียเงิน คนรวยส่วนใหญ่ก็เช่นกัน  คนรวยที่ไม่เคยไม่เสียเงินจากการลงทุนนั้นไม่มี แต่ด้วยความที่พวกเขามีความกล้าและมีความสามารถจึงรู้ว่า จะจัดการอย่างไร จะรับมือปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นได้อย่างไร จะประคับประคองการเงินในช่วงวิกฤตอย่างไร

           วิธีการลดความเสี่ยงที่ดีคือ ให้เริ่มต้นลงทุนให้เร็ว เพราะเมื่อลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วยทำให้เรามีเวลา ที่จะจัดการกับปัญหาและเพิ่มโอกาสลงทุนได้มากกว่าคนอื่น สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีเสี่ยงมากๆได้  เป็นที่รู้กันดีว่า การลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากก็ย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน  คนที่กล้าเสี่ยงจะสร้างผลตอบแทนสูงได้มากกว่าคนอื่น

            แนวคิดของคนรวยคือ มีทัศนคติและความคิดที่เป็นบวกต่อการลงทุน กล้าฝันใหญ่ คิดการณ์ใหญ่ จึงสามารถรับมือกับความล้มเหลว แล้วมองหาความสำเร็จได้ เปลี่ยนแปลงความล้มเหลวหรือความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นแรงบันดาลใจ

           ทุกคนกลัวความพ่ายแพ้ ในที่สุดก็จะกลายเป็นคนพ่ายแพ้  ให้ Focus ลงทุนในทรัพย์สินมากกว่า กระจายความเสี่ยง เพราะการกระจายความเสี่ยงนอกจากเสียเวลาแล้วยังเสียโอกาส ที่จะทำให้เงินงอกเงยแบบก้าวกระโดด

        2. เอาชนะความคิดลบ เหตุผลของคนส่วนใหญ่ เมื่อต้องเผชิญกับเวลาอันเลวร้าย มักไม่กล้าเสี่ยง แต่คนรวยจะกล้าเสี่ยงเช่น ในช่วงเกิดวิกฤตฟองสบู่ในปี พ.ศ. 2540 คนรวยจะหาเงินลงทุนในหุ้นที่มีผลกระทบมาก แต่พื้นฐานดี  โดยสามารถคาดการณ์ได้ว่าธุรกิจเหล่านั้นมีโอกาสกลับมาเจริญเติบโตอีกครั้ง แต่คนทั่วไปมักกลัวจึงขายหุ้นเหล่านั้นทิ้งไป

        คนทั่วไปมักคิดลบและชอบวิจารณ์ แต่คนชนะจะวิเคราะห์สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยสมอง มีเหตุผลและเป็นระบบ

       3. เอาชนะความขี้เกียจ คนที่ยุ่งที่สุดคือ คนขี้เกียจที่สุด คนขี้เกียจมักจะไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ โดยจะหาข้ออ้างที่จะทำให้ตนเองรู้สึกดี  เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงพวกเขาจะพยายามเลี่ยงง หากมีคนอื่นเตือน พวกเขาก็มักจะโกรธ คนขี้เกียจชอบเหตุผลที่ทำให้ตนเองไม่รู้สึกผิดและเลี่ยงเช่น ขอพักผ่อนบ้างเถอะ ขอนอนดูทีวีเพราะทำงานเหนื่อยมามากแล้ว

         วิธีการแก้ไขความขี้เกียจคือ ต้องมีแรงปรารถนา ต้องโลภเสียบ้าง การใช้คำพูด ฉันจะซื้อมันได้ แทนที่จะบอกว่า ฉันไม่มีปัญญาซื้อมันได้หรอก คำพูดเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกเศร้าและหดหู่ ต้องเปลี่ยนเป็นคำพูดเชิงบวกเช่น  ฉันจะทำอย่างไรที่จะไม่ได้ทำงานที่ซ้ำซ้อน ฉันจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้อย่างไร

       4. เอาชนะนิสัยไม่ดี นิสัยจะควบคุมพฤติกรรม พฤติกรรมจะกำหนดการกระทำ การกระทำจะทำให้เกิดผลลัพธ์ โดยส่วนใหญ่แล้ว คนเราชอบคิดอยู่ในโชนที่ปลอดภัย Safety Zone ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงสิ่งใด  และรู้สึกว่าพื้นที่ที่ตัวเองกำลังทำอยู่ในปัจจุบันนั้นรู้สึก ว่ามันมั่นคง

           คนทั่วไปจะจ่ายหนี้สินหรือภาษีก่อน เพราะจะทำให้พวกเราไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน หรือเกิดการกระตุ้น  แต่ถ้าเราจ่ายให้ตัวเองก่อนเช่น การเอาเงินไปลงทุนก่อน ที่เหลือจึงจะนำมาใช้จ่าย เพราะปกติแล้ว  เสียงที่เกิดจากการทวงหนี้สิน จะมีเสียงดังกว่าที่คนยืม ดังนั้นการลงทุนก่อน จ่ายที่หลัง จึงเป็นวิธีการที่ดีกว่า ถึงแม้จะมีแรงกดดันบ้างก็ตาม

      5. เอาชนะความหยิ่งทะนงตน สิ่งที่เราไม่รู้คือ เราจะเสียเงินเมื่อใด จงหาผู้รู้ให้เป็นที่ปรึกษา เพราะคนเชี่ยวชาญสามารถช่วยทำให้เรา ร่นระยะเวลาในการไปสู้จุดมุ่งหมายได้ เช่น การค้นคว้าและการอ่านหนังสือ การเอาตนเองไปอยู่ใกล้กับคนที่ประสบความสำเร็จเช่น การเข้าร่วมสัมนา การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เปิดใจเรียนรู้จากผู้อื่น ก็สามารถความทะนงตนได้

ต้องอ่านต่อ  ตอนที่ 3

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *