ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป

               ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป บทความปรัชญาความจริงแห่งชีวิต

             ฟังจากหัวข้อแล้วช่างจะดราม่า  ซะเหลือเกินล่ะสิ   แต่คุณรู้ตัวไหม  “ชีวิตคนเราไม่ว่าจะเป็นคนรวย  หรือเป็นคนจนก็ดิ้นรนมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว  จะอะไรล่ะ  ก็ตอนที่เราแย่งชิงกับเพื่อนๆ  แหวกว่ายฝ่าฟันอุปสรรค แข่งขันชิงชัยกับคู่แข่ง  จนกลายเป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว ”  ได้เป็นแก้วตาดวงใจของคุณพ่อคุณแม่  แต่ก็ใช่ว่าทุกคน จะเป็นผู้ชนะเสมอไป  บางคนเกิดมาก็ถูกทอดทิ้ง จะด้วยเหตุผลหรือที่ไม่ใช่เหตุผลก็ตาม  แต่เมื่อเราลืมตามาดูโลกใบนี้แล้ว ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป  เราต้องสามารถดำเนินชีวิตอยู่ให้ได้  ต้องอยู่อย่างมีเป้าหมาย ต้องอยู่อย่างมีคุณค่า  ต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรค ต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้สมกับคำว่า เกิดมาทั้งที่ จะได้ไม่เสียชาติเกิด”  ซึ่งคำๆ นี้ยังใช้ได้ตลอดกาล

ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป

ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป

ชีวิตไม่สิ้นหวัง ก็ต้องโบยบินต่อไป จะมีใครไหม เกิดมาเพื่อรอดูตัวเองโต โตแล้วก็รอวันตาย  ถ้าเราคิดแบบนั้น ก็คงต้องไปเกิดเป็นสิ่งของแล้วล่ะ เพราะเขาไม่ได้มีชีวิตจิตใจ ไม่มีความรู้สึก รอวันพุพังและโรยราไปตามกาลเวลา  แม้แต่ต้นไม้ สัตว์ พืชหรือ  แม้แต่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เอง  เมื่อเกิดมา พวกเขาก็ต้องดิ้นรน เพื่อการอยู่รอดและต้องการอาหารมาหล่อเลี้ยงชีวิต  แม้แต่ต้นไม้ที่แสงส่องไม่ถึง  เขาก็ยังต้องกระเสือกกระสน  เพื่อเอากิ่งก้านและใบของตน  โน้มกิ่งโอนเอียงไปหาแสงเข้าจนได้  สัตว์ก็เช่นเดียวกัน อย่างเช่นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ข้างถนน ก็ยังต้องดิ้นรน ค้นหาอาหารเพื่อการอยู่รอด  แม้ว่าจะเป็นเศษอาหารที่มนุษย์ มองว่า เป็นสิ่งที่ไม่มีค่า  แล้วได้โยนทิ้งลงในถังขยะ แต่เมื่อพวกเขาเห็นมัน  นั่นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเขา  เพราะมันช่วยเขาต่อลมหายใจ  ให้พวกเขาสามารถดำเนินชีวิตและสืบพันธุ์ต่อไป

ไม่มีใครรู้ พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร

              ลองหันมาดูตัวเรากับบ้างสิครับ   ต้องกระเสือกกระสนกันได้มากน้อยแค่ไหน แน่นอนอันดับแรก  พื้นฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนหาเงินได้เพียงแค่ข้าวสารกรอกหม้อ บางคนเพียบพร้อม มีเงินมากมายชนิดเหลือกินเหลือใช้  บางคนไม่ได้ห่วงใยเพียงแค่ตนเอง  แต่ยังมีความสามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ จนสามารถหลุดพ้นจากความจนได้ ด้วยการสอนวิธีให้ทำมาหากินได้ด้วยตนเอง ทำให้คนอื่นๆรู้จักวิธีการปลูกข้าว เพื่อเก็บไว้ให้ตัวเองได้กินโดยไม่มีวันหมด  ส่วนคนที่หาเงินได้เพียงแค่ข้าวสารกรอกหม้อ ในบางครั้งก็คิดว่า อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น จะได้ปลูกข้าวและสามารถเก็บไว้กินเองเหมือนกับคนอื่นๆ บ้าง

             แต่หนทางที่จะไปให้ถึงที่ตรงนั้นได้  ชีวิตทั้งชีวิตในชาตินี้  ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่  เพราะมันช่างเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทรเสียเหลือเกิน  ที่ไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไง จึงจำเป็นต้องทนกับรูปแบบชีวิต อยู่ตามเส้นทางที่สังคมกำหนดให้  คงเป็นเพราะ “กฎของธรรมชาติ ผู้ที่แข็งแรงและเก่งกว่าเท่านั้นคือ ผู้ที่สามารถอยู่รอดและมีโอกาสมากกว่าคนทั่วไป ”

            สังคมมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน  คนไหนเก่ง  ทำงานดี ทำงานเป็นก็มักจะได้รับโอกาสมากกว่าคนอื่นในทุกๆด้าน  ทั้งรายได้ ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ การได้รับการยอมรับ การได้รับความเคารพนับถือและการยกย่องสรรเสริญจากคนทั่วไป  หรือหากใครมีความสามารถพิเศษ เสียงดีก็เป็นนักร้องดัง บางคนเป็นนักแสดงตีบทบาทซะ คนอินกันทั่วบ้านทั่วเมือง  ก็จะมีชื่อเสียง  ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรู้จัก

            แล้วจะมีใครบ้างกี่คนที่รู้ความต้องการของตนเอง  (คงไม่มีใครรู้ตัวเราเองเท่าตัวเรา) คนเรามีความฝันไม่เหมือนกัน  แล้วแต่ความพึงพอใจแต่ละคน  จะต้องทำอย่างไรบ้างล่ะ  “ถ้าคนเรามีความฝันแล้วจะลงมือทำมันให้สำเร็จ”  เราต้องเชื่อมั่นในตนเองไหม  แล้วเราเคยศรัทธาชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองบ้างหรือเปล่า  สามารถกระตุ้นและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ตนเองได้หรือไม่ แล้วคุณได้ดึงพลังนั้นออกมาใช้ได้เต็มที่หรือยัง  ความเป็นตัวตนของตนเอง รู้จักดีแค่ไหน  ส่วนลึกๆภายใต้จิตสำนึกของเรา  เราได้เคยพูดคุยกับตนเองมากน้อยแค่ไหน  สามารถบอกความฝันกับตนเองได้ชัดเจนหรือเปล่า  สิ่งต่างๆที่กล่าวมานี้  เราอาจจะได้ยินมาบ้างแล้ว รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้  แล้วเพราะอะไรล่ะ  ก็คงหนีไม่พ้นคำว่า ตัวเราเอง”

      ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป: ไม่ต้องมีพรสวรรค์  นี่มันพรเเสวงชัดๆ คือ จุดแข็งของคนประสบความสำเร็จ

            ผู้คนมากมาย  ต่างอิจฉาคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะคิดว่าเขาเก่ง เขารวย หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่.. แต่รู้ไหมกว่าพวกเขาเหล่านี้ จะประสบความสำเร็จได้ต้องผ่านการพิสูจน์ ต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคหรือความล้มเหลวอะไรมาบ้าง อย่างเช่น เอดิสัน ( ผู้ผลิตหลอดไฟ ) กว่าเขาจะค้นพบหลอดไฟ ต้องทดลองกว่า 1000 ครั้ง  ถ้าไม่มีเขาวันนั้น  พวกเราคงไม่มีไฟฟ้าส่องแสงสว่างในวันนี้   หรือแม้แต่สตีฟจ็อบส์   ที่คิดสร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้น   เป็นเจ้าแรกๆในทศวรรษที่ 70 ซึ่ง   ทุกคนได้แต่หัวเราะเยาะในสิ่งที่เขาทำ  แต่สุดท้ายสิ่งนั้นกลับกลายมาเป็น สิ่งจำเป็นที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิตมนุษย์ในยุคศตวรรษที่ 21    ผู้ประสบความสำเร็จนั้นมีความพากเพียร ลงมือทำด้วยกำลังความสามารถอย่างต่อเนื่อง  ขอให้ยึดมั่นในความเชื่อมั่นในตนเอง  ไม่สนใจสิ่งรบกวน  ที่จะทำให้ตนเองไม่ประสบความสำเร็จ  ไม่ต้องมีพรสวรรค์  นี่มันพรเเสวงชัดๆ

             เพราะพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าเมื่อวาน  มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับของขวัญ  มันอาจไม่ใช่ของขวัญในเทพนิยาย  แต่มันเป็นของจริงชีวิตจริง  ของขวัญที่ว่านั้นคือ  “เป้าหมาย” ท่องจำให้ขึ้นใจ  คิดบวกเชิงสร้างสรรค์  บอกกล่าวให้ตนเองได้รับรู้ ถึงความต้องการอยู่เสมอ  เป็นวิธีกระตุ้นความฮึกเหิมความกล้าและความมั่นใจในตนเอง เพื่อการก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคไปยังจุดมุ่งหมาย  การป้อนข้อมูลเชิงบวกให้กับตัวเอง  เพื่อทำให้จิตใต้สำนึกมีปริมาณความคิดด้านดีๆได้ทำงาน วางแผนลงมือทำ แม้บางคราวอาจจะพบกับความผิดหวังและความล้มเหลวบ้าง  บางครั้งถึงแม้ว่ากลยุทธ์อาจจะไม่เหมาะสม  อาจจะท้อแท้สิ้นหวังบ้าง  แต่ในระหว่างทางที่ก้าวเดิน จงอย่าถอย อย่าท้อแท้ เพราะความสุขไม่ได้อยู่ที่ รางวัลแห่งความสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่มันอยู่ที่ชัยชนะ ที่เราสามารถแก้ปัญหาได้ต่างหาก

    ของขวัญแห่งความสำเร็จคือ การชนะตนเอง คุณค่าชีวิตอยู่ที่ตัวเรา (ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ชีวิตเรา…สร้างได้)

ผู้แต่งชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป

นวลจันทร์ รักไร่

ผู้ทบทวนและได้รับอนุญาตเผยแพร่
Besterlife.com

บทความแนะนำ: ล้มภาวะท้อ,   Mindset เปลี่ยน…ชีวิตเปลี่ยน,   เป้าหมายชีวิต คิดให้สมาร์ท : SMART,   ความหมายคิดบวกแล้วทำไมต้องคิดบวก 

You may also like...

1 Response

  1. หนูรักเงินกับอาหาร พูดว่า:

    ชีวิตนี้ไม่สิ้นก็ต้องดิ้ินจนกว่าจะสิ้นใจ -_-“

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *