ย้อนวัยใส อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เพราะการเป็นเด็กมีความสุขสุดๆ

แคปชั่นคิดถึงวัยเรียน ย้อนวัยใส อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

             ขณะนี้เวลา  19.00 น.นาฬิกาบอกเวลา ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานอีกครั้งของฉัน  เก็บกระเป๋า ปิดคอม ล็อคห้อง เดินๆๆไปขึ้นรถกลับบ้าน ฉันใช้ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้ 6 วันต่อสัปดาห์ เข้างาน 7.00 น. เช้าเลิกงานหนึ่งทุ่ม  ชีวิตที่ธรรมดาของสาวน้อยวัยใส บ้านๆ อย่างฉัน  ฉันเคยสงสัยชีวิตมนุษย์นะ ว่าเราเกิดมาทำไม? เกิดมาเพื่ออะไร? ตายแล้วไปไหน? แล้วเราจะต้องเกิดมาอีกไหม?

ย้อนวัยใส

ย้อนวัยใส

             เกิดมาชาติหน้าเราจะได้เกิดเป็นคนมั้ย? จะรวยหรือจนนะ? เอ่อ! ช่างเป็นคนที่คิดเยอะเสียจริงๆ 555 ซึ่งความคิดแบบนี้ฉันเชื่อว่ามันจะไม่เกิดขึ้นหรอก ถ้าเรายังไม่โต เพราะอะไรนั้นหรือ?………..  เพราะถ้าเราโตขึ้นก็ต้องมีความคิด มีวุฒิภาวะ มีความรับผิดชอบมากขึ้นหรือจะเรียกว่าภาระมากขึ้นดีนะ 555

             คนเรามีเหตุผลหลายๆอย่าง ที่ทำให้มีภาระ ซึ่งบางอย่างอาจจะทำให้เรามีความสุข เช่น การมีแฟน ภาระเราก็คือ ต้องรักแฟน ต้องดูแลแฟน ต้องไปกินข้าวกับแฟน  ซึ่งแฟนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  ส่วนภาระที่ทำให้เราเป็นทุกข์ เช่น การมีหนี้สินอันเกิดขึ้นจากความจำเป็นเช่น พ่อ-แม่ป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล จำเป็นต้องได้รับผ่าตัดเป็นการด่วน ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก  ด้วยความรักและความกตัญญูที่มี ไม่อาจจะทนเห็นพ่อ-แม่ ตายไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่คิดที่จะหาทางช่วยอะไรเลย  จึงต้องไปหยิบยืมเงิน กู้เงินมาช่วยพ่อ-แม่ สารพัดวิธีที่จะทำได้ นั่นไงภาระหนี้สินก็ตามมา แต่อาจจะเป็นภาระที่มาพร้อมกับความสุขก็เป็นไปได้

             เอ่อ!..ยิ่งโตเราก็ต้องรับรู้อะไรมากมายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต ในสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลง ตามยุคตามสมัยที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วมาก จนแทบจะตามไม่ทัน  เรื่องงานที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถอย่างยิ่งยวดเพื่อแข่งขันชิงดีชิงเด่นให้เจ้านายเห็นผลงานมากที่สุด  ข่าวที่ออกมาทุกวันก็ช่างโหดร้าย  มนุษย์ก็ฆ่ากันเองซะงั้น  จากภาระและหลายๆเหตุการณ์เหล่านี้ จึงช่วยกระตุ้นต่อมความคิดว่า อยากย้อนวัยใส กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

อยากกลับไป

                ขณะนี้เวลา 7.00น. นาฬิกาบอกเวลา เช้าวันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2547 ฉันค่อยๆ  ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ค่อยๆพาร่างตัวเองไปอาบน้ำและเสร็จภายใน 5 นาที นุ่งผ้าขนหนูขึ้นบันไดชั้น 2 ตรงไปที่ห้องแต่งตัว ปะแป้งสักเล็กน้อย ทาครีมอีกนิด ลุกขึ้นไปหาเสื้อผ้า วันนี้วันจันทร์ใส่ชุดวอมเสื้อสีชมพู เสร็จแล้วก็สะพายกระเป๋าเป้ลงบันไดมา แล้วก็ไม่ลืมหยิบเงินนะค่ะ วิ่งๆ ไปหยิบจักรยาน จังหวะที่จะออกตัวเท่านั้นแหละก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า………..หนูไม่กินข้าวเช้าก่อนไปหรอ (ยายฉันถาม)  ไม่จะไปกินที่โรงเรียน (ฉันตอบกลับ) แล้วฉันก็ปั่นจักรยานออกไปเลย ได้ยินเสียงตามหลังดังแว่วๆๆว่าจะไปซื้อกินทำไม ข้าวที่บ้านก็มี ไปซื้อเอาของคนอื่นก็เปลืองเงิน บลาๆๆๆๆๆ ด้วยความเป็นเด็ก ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากตอนนั้นข้าวที่โรงเรียนอร่อย เพราะได้กินกับเพื่อนๆ

               แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ ฉันจะกินข้าวเช้าที่บ้านก่อนไปโรงเรียนทุกวันเลย ไม่มีอาหารที่ไหนอร่อยเท่าฝีมือของคนที่เลี้ยงเรามาหรอกเนอะ  ฉันใช้เวลาปั่นจักรยานประมาณ 5 นาทีถึงโรงเรียน เพราะโรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน นักเรียนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นลูกหลานคนในหมู่บ้าน พวกเราจะรู้จักกันทั้งหมดทุกคน และที่สำคัญคือ การรู้ชื่อพ่อ-ชื่อแม่ทั้งหมดซะด้วยซิ 555 คงไม่ต้องบอก ก็น่าจะรู้นะว่า เราจำเป็นต้องรู้ชื่อพ่อ-ชื่อแม่ ไปทำไม หึ หึ หึ

             หลักจากจอดจักรยานฉันเดินตรงดิ่งไปที่ห้อง เอากระเป๋าไปเก็บ แล้วก็เดินมาหาซื้อข้าวเช้ากิน สักพักก็มีเสียงกระดิ่งดังขึ้น ให้ทุกคนช่วยกันทำความสะอาด ภายในพื้นที่ของตนเอง แล้วก็เข้าแถวแยกย้ายกันเข้าห้องเรียน  ก่อนเรียนก็ท่องศัพท์ เดือนทั้ง12ให้เป็นภาษาอังกฤษ  นับเลข บลาๆๆๆ คาบ 1 คณิตศาสตร์ คาบ 2 วิทยาศาสตร์ คาบ 3 ภาษาไทย  ฉันก็เรียนบ้าง หันไปคุยกับเพื่อนบ้าง เล่นบ้างตามภาษาเด็กน้อยที่แสนซนคนหนึ่ง และแล้วก็เที่ยง กินข้าวๆๆๆๆ กินเสร็จ ก็เล่นกระโดดยางกะเพื่อนๆ บ่ายมาก็ซ้อมกีฬา เพราะช่วงนี้ใกล้ช่วงเทศกาลแข่งกีฬาประจำตำบล หมายความว่าตำบลของเรามีกี่โรงเรียน ก็จะมาแข่งกีฬากัน เพื่อเชื่อมสานสัมพันธ์อันดีงามต่อกัน  ฉันเล่นแชร์บอลเป็นหัวหน้าทีมด้วยนะ ไม่ได้โม้นะคะ555 เวลา บ่าย 3 โมงครึ่ง เราก็เข้าแถวกลับบ้าน

           เมื่อถึงบ้าน ฉันก็โยนกระเป๋าและก็ปั่นจักรยานไปเล่นกับเพื่อนต่อ การบ้านนั้นหรือเดี๋ยวค่อยทำ  อิๆๆ  ณ ถนนซอยหมู่บ้านยามเย็น เด็กน้อยอย่างพวกเราคุมซอยสิค่ะ แล้วจะรออะไรล่ะ เล่นเตยซะเลย หลายคนอาจจะลืม เตยเป็นกีฬาพื้นบ้านโดยผู้เล่นสองฝั่ง  โดยผู้ที่ไม่ได้เล่นจะต้องเป็นคนดัก ไม่ให้คนเล่นสามารถผ่านไปได้  ส่วนคนเล่นก็ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว พาตัวเองวิ่งลงและขึ้นมาเตย ในพื้นที่สุดท้ายของเขตที่ดักได้  เวลาสักประมาณค่ำๆหน่อย เมื่อไม่ค่อยมีแสงสว่าง แล้วพวกเราก็จะแยกย้ายกันกลับบ้าน  กินข้าว ทำการบ้าน ดูทีวีแล้วก็ค่อยๆหลับไป รอคอยของเช้าวันใหม่ ที่เราไปจะเล่นอะไรกับเพื่อนอีกดีนะ  นี่แหละหนาชีวิตเด็กน้อยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย  แค่คิดย้อนหลัง อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ทำไมช่างมีความสุขจริงๆน๊า

ผู้แต่ง

นวลจันทร์ รักไร่

ผู้ทบทวนและได้รับอนุญาตเผยแพร่
Besterlife.com

ชีวิตเด็กบ้านนอก https://www.youtube.com/watch?v=przS1Q3tO2E

บทความที่น่าสนใจ  ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *