โรคเสื่อม สาเหตุของโรคเสื่อม มีวิธีป้องกันชะลอและการรักษาได้อย่างไร

          หากเราพบอาการดังต่อไปนี้ นอนไม่หลับในช่วงเวลากลางคืน หลังจากการตื่นนอนก็ปวดเมื่อย ทั้งๆที่นอนเป็นเวลามากกว่า 6 ชั่วโมง ในบางวันหรือช่วงเวลาบ่ายง่วงนอนมากทั้งๆที่นอนหลับปกติ ถึงแม้จะจิบกาแฟแล้ว แต่ก็ยังมีอาการง่วงนอนอยู่ เหนื่อยง่าย ทั้งๆที่ออกกำลังอยู่เป็นประจำ ความดันโลหิตเริ่มสูงขึ้น เกิดอาการตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน  โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตนเองมาก่อน แสดงว่าคุณกำลังเผชิญกับ โรคเสื่อม

โรคเสื่อม

โรคเสื่อม

สาเหตุของกลุ่ม โรคเสื่อม

      กลุ่ม โรคเสื่อม เกิดขึ้นได้หลายปัจจัยด้วยกัน แต่ปัจจัยหลักสำคัญๆมาจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเราเอง ที่ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายไม่มีความสมดุล ดังต่อไปนี้

1. อาหารที่รับประทาน

            วงจรชีวิตของคนเราตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายของเราเปลี่ยนไปตามยุคสมัย  มนุษย์เกือบทุกคน ต้องผ่านวงจรเกิด เติบโต แก่ ก่อนถึงจะตาย  แต่ในปัจจุบันนี้ วงจรชีวิตของคนเราสั้นลง โดยเกิด เติบโต เจ็บป่วยแล้วก็ตายทั้งๆที่ยังไม่ทันแก่เลย

           ยุคอดีตคนเราสามารถหาของป่าเช่น พืช ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่รับประทานเข้าไปแล้ว ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน  อันเนื่องมาจากวงจรการเติบโตของพืชและสัตว์ต่างๆ มีแร่ธาตุอาหารที่สมบูรณ์ ปราศจากสารเคมี พืชผักต่างๆไม่ได้ตกแต่งพันธุกรรมเหมือนกับยุคปัจุบัน และสัตว์ต่างๆก็มีมาก บวกกับจำนวนประชากรมีน้อย การรับประทานเนื้อสัตว์เองก็ไม่ได้เก็บไว้เป็นเวลานานๆ จึงทำให้สารอาหารยังอยู่ครบ

         ซึ่งต่างกับยุคปัจจุบันสัตว์ต่างๆมีจำนวนลดลงจึงจำเป็นต้องถนอมหรือเก็บไว้กินได้นานมากขึ้น  จึงจำเป็นต้องใส่สารเคมี  เช่นอาหารทะเลกว่าจะขึ้นมาบนบกได้ ก็ใชเวลานับเป็นเดือนๆ กว่าจะมาถึงมือผู้บริโภคอย่างเราๆ รวมทั้งการเพาะปลูกเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ชาวสวน เกษตรกร รวมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตได้ใช้สารเคมีต่างๆ มากมายเพื่อเพิ่มผลผลิต

 2. การรับประทานอาหาร

          โทษของการรับประทานอาหารแล้วไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารบางอย่างให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย  แต่กลับได้รับสารอาหารบางอย่างเกินความต้องการของร่างกายเช่น การบริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อต้องการโปรตีน แต่กว่าจะได้โปรตีนที่เพียงพอต่อความต้ องการของร่างกาย แต่ปรากฎว่าได้รับไขมันเกินความต้องการ จึงเกิดสภาวะการสะสมไขมันตามอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย

           พฤติกรรมการบริโภคไม่เป็นเวลาและไม่เหมาะสมกับนาฬิกาชีวิต  จึงทำให้อาหารที่บริโภคเข้าไปไม่ถูกนำไปใช้ เช่น การไม่รับประทานอาหารเช้าก่อน 9.00 น. จะทำให้เซลล์สมองไม่มีอาหารไปเผาผลาญพลังงาน สมองก็จะไปดึงพลังจากส่วนอื่นๆ แล้วส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนในร่างกาย  หรือพฤติกรรมการรับประทานอาหารในช่วงเวลาดึก แล้วเข้านอนทันที่  ก็จะทำให้โกรทฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ  ร่างกายไม่ได้รับการซ่อมแซ่ม   นอกจากนี้สมองยังสั่งให้หลั่งสารอินซูลินออกมา   “ซึ่งอินซูลีนซึ่งเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่สร้างจากตับอ่อน มีหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในหลอดเลือด”  เมื่ออินซูลินมามากจะทำให้หลอดเลือดได้รับบาดเจ็บและโอกาสเป็นโรคเบาหวานก็มีมากยิ่งขึ้น

           นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมบริโภคสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ แถมยังมีโทษต่อร่างกายเช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ  การดื่มน้ำหวานในปริมาณมากๆ หรือการดื่มเครื่องดื่มชา กาแฟที่มากเกินไป หรือแม้แต่การดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำ

3. การดำรงชีวิตประจำวัน

        การใช้ชีวิตแบบเร่งด่วน อันเนื่องจากสภาพแวดล้อมของการดำรงชีวิตที่เต็มไปด้วยภาวะแรงกดดัน ต้องแข่งขันกันเพื่อการอยู่รอด  นอกจากแรงกดดันและความเครียดมีผลต่อการทำงานแล้ว ยังส่งผลเสียต่อระบบต่อมไร้ท่อทำผิดปกติ  ซึ่งมีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายมีความผิดปกติและระบบการทำงานต่างๆของร่างกายแปรปรวนเช่น หัวใจเต้นเร็ว ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ

        การใช้ร่างกายหนัก แต่ไม่ได้รับการซ่อมแซมเช่น  การอดนอนบ่อยหรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงเวลาในการทำงานบ่อยๆ ก็จะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงได้   ซึ่งลักษณะงานบางอย่าง  ทำให้ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพเช่น ทำงานกลางคืนนอนกลางวัน  ซึ่งผิดธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ เมื่อขาดการออกกำลังกาย ก็จะทำให้ร่างกายขาดความยืดหยุ่น การเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำได้แย่ลง ร่างกายมีการสะสมไขมันเพิ่มมากขึ้น เส้นเลือดอุดตันเป็นต้น

โรคเสื่อม คืออะไร

         โรคเสื่อมหมายถึง การที่เซลล์ในร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนที่เล็กที่สุดเกิดความผิดปกติ เสื่อมหรือประสิทธิภาพการทำงานลดลง   ร่างกายเราเกิดจากเซลล์ ซึ่งเซลล์ที่ประกอบกันหลายๆเซลล์เราเรียกว่าเนื้อเยื่อ  เมื่อเนื้อเยื่อหลายๆตัวรวมกันเราเรียกว่ากล้ามเนื้อของอวัยวะหรือระบบต่างๆของร่างกาย  เมื่อเซลล์มีประสิทธิภาพในการทำงานลดลงจนถึงขั้นภาวะถดถอย ก็จะไปมีผลทำให้เนื้อเยื่อเสื่อมสภาพ  เมื่อเนื้อเยื่อเสื่อมสภาพ อวัยวะร่างกายที่เกี่ยวข้องก็จะทำงานผิดปกติ แล้วกลายเป็นโรคต่างๆ

คนไทยมีภาวะ โรคเสื่อมมากน้อยแค่ไหน

จำนวนสถิติ การตายด้วยสาเหตุของโรคเสื่อมในไทย ปี2557 ต่อประชากรหนึ่งแสนคนเป็นดังนี้

   ตายเพราะมีสาเหตุจากโรคหัวใจและหลอดเลือด 58,681 คน , โรคหลอดเลือดสมอง 25,114 คน , โรคหัวใจขาดเลือด 18,079 คน, โรคเบาหวาน 11,389 คน, โรคมะเร็งตับ 15,306 คน  ซึ่งหากเราเดินไปกับเพื่อน 2 คน แสดงว่าคนใดคนหนึ่งมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

    หมายเหตุ: ที่มาของข้อมูลจากรายงานประจำปี2558 ของ สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค

โรคเสื่อม

 

โรคเสื่อม สามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆได้โดยมีตัวอย่างดังต่อไปนี้

   โรคเบาหวาน : เป็นโรคที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเกินจนผิดปกติ ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญพลังงานจากการบริโภคแป้งและน้ำตาลให้หมดได้ จึงเป็นสาเหตุทำให้มีน้ำตาลเหลืออยู่ในเลือดสูง

   โรคตับ : เกิดจากตับทำงานมีประสิทธิภาพลดลง เพราะการมีไขมันหรือมีบางสิ่งไปเกาะที่ตับ ด้วยความสามารถพิเศษของร่างกาย จะมีระบบการต่อต้านสิ่งแปลกปลอม  เมื่อร่างกายพบสิ่งผิดปกติ จะสั่งหน่วยงานซ่อมแซมเข้าไปแก้ไข ด้วยการสร้างเนื้อเยื่อห่อหุ้ม จึงทำให้การทำงานของตับลดลง โดยโรคตับมักจะไม่แสดงอาการจนกว่า จะถึงระยะที่ทนไม่ได้ ก็อาจจะแสดงอาการเจ็บใต้ซี่โครง แล้วเมื่อตับทำงานไม่ได้การกรองของเสียไม่ทำงาน ของเสียสารเคมีต่างๆก็จะถูกสะสมในร่างกาย มีโอกาสเป็นโรคต่างๆได้ง่ายขึ้น

  โรคมะเร็ง : เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของเซลล์ในร่างกายของคนเรา เซลล์มะเร็งเกิดการเปลี่ยนแปลงสถานะตนเองจากเซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์เพชรฆาต ที่ทำร้ายและกัดกินเซลล์ปกติ

   โรคความดันโลหิตสูง : มีสาเหตุจากการที่มีบางสิ่งไปอุดตันตามเส้นเลือดหรือหลอดเลือดตามส่วนต่างๆ ในร่างกาย ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น จำนวนการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น บ่อยครั้งขึ้น เพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้  เมื่ิอน้ำเลือดเดินทางไม่คล่องตัว จึงทำให้หัวใจต้องสร้างแรงดันเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อจะส่งเลือดไปเลี้ยงเซลล์ให้ทัน

  กลุ่มโรคหลอดเลือดแข็ง : ตราบใดที่เรายังมีหลอดเลือดดียืดหยุ่น เราจะไม่มีสิทธิ์เป็นโรคหัวใจอัมพฤกษ์  อัมพาต ที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดแข็งตัว  ซึ่งมี 2 ลักษณะด้วยกันคือ 1. พนังหลอดเลือดมีปัญหาหรือบกพร่อง 2. มีคอเลสเตอรอล ในเลือดสูงเกิน

โรคเสื่อม

โรคเสื่อม มีวิธีชะลอ วิธีรักษาและป้องกันได้อย่างไร

       โรคในปัจจุบันที่ชื่อว่าโรคเสื่อมของร่างกาย ไม่สามารถรักษาทางการแพทย์อย่างเดียวแล้วทำให้หายขาดได้ เพราะว่าโรคเสื่อม ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค กลุ่มโรคพวกนี้ ไม่ใช่การไปพบหมอรักษาเพียงอย่างเดียว  แต่ต้องใช้ร่างกายและจิตใจของตนเองช่วยในการรักษา ซึ่งความพิเศษของร่างกายของคนเรา สามารถรักษาตัวของมันเองได้ แต่เราต้องมีสุขภาพดี กินอาหารให้ถูกต้อง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารถูกต้องตามหลักโภชการ กินอาหารแล้วต้องได้รับสารอาหารครบทั้ง5หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับการการดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์สูงสุดและการใช้ชีวิตให้เกิดความสมดุล ดังนี้

  • รับประทานโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย คือ ในหนึ่งวันควรกินอาหารเพื่อให้ได้โปรตีนอย่างน้อย  ปริมาณ X กรัม ซึ่งเท่ากับนำหนักตัวเช่น หากตัวเรามีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม 1 วันต้องกินโปรตีนให้ได้ 60 กรัม

  • ควรรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ในตอนเช้าให้เพียงพอ และการกินอาหารเช้าต้องกินก่อน 9.00 น. เมื่อร่างกายได้รับแป้ง สมองจะสั่งการให้ตับอ่อนสร้างฮอร์โมนอินซูลีน เพื่อทำการเผาผลาญแป้งให้เป็นน้ำตาล เพื่อพาน้ำตาลไปป้อนให้เซลล์ ตรงกันข้ามหากเราไม่กินข้าวเช้า ก็จะไม่มีน้ำตาลไปป้อนให้เซลล์  เซลล์ต่างๆก็จะไม่ทำงาน หากเกิดขึ้นกับเซลล์สมอง สมองก็จะไม่มีพลังงานใช้  และควรกินอาหารให้มีเส้นใยธรรมชาติอันได้รับจากการรับประทานกาหารจำพวกพืชผักผลไม้อันได้แก่ กล้วย  หัวหอม  ต้นหอม  กระเทียม  หน่อไม้ฝรั่ง  ที่มี พรีไบโอติก เพื่อช่วยทำให้แบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ทำงานได้ดี  รวมทั้งควรกินอาหารที่ให้ใยอาหารจำพวก โปรไบโอติก ที่สามารถผลิตกรดแลคติกได้ ซึ่งโปรไบโอติกมีหลายชนิดอันได้แก่ แลคโตบาซิลลัส ที่มีอยู่ในนมเปรี้ยว ที่ช่วยทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดี แถมยังช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถตอบโต้กับเชื้อโรคได้ดี

  • ควรรับประทานอาหารประเภทไขมันจำพวกไขมันดีอันได้แก่ โอเมก้า 3 ซึ่งให้กินอาหารจำพวกสัตว์ทะเลอย่างน้อย 2 มื้อต่อหนึ่งสัปดาห์

  • รับประทานอาหารพืชผักให้ครบ 7 สี เพราะกินพืชผักผลไม้ ก็เพื่อให้ได้วิตามินต่างๆอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเช่น กินอาหารให้ได้วิตามิน ชี อย่างน้อย 1,000 มิลิกรัมต่อวัน เพื่อช่วยทำให้ระบบต่างๆและการทำงานของฮอร์โมนมีความสมดุล

  • ดื่มน้ำที่สะอาดให้เพียงพอ ประมาณ 2 ลิตรหรือ 8 แก้วต่อวัน และต้องเป็นน้ำมีแร่ธาตุครบ เพราะจะช่วยทำให้การลำเลียงสารอาหาร เคมีและฮอร์โมนต่างๆไปยังอวัยวะได้อย่างครบถ้วน

  • ควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศที่บริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่เป็นพิษ

  • ควรออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายที่ต้องทำติดต่อกันให้ถึง 30 นาที เพื่อให้สมองหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข

  • อย่าทำร้ายตัวเอง ด้วยการดื่มเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือแม้แต่การบริโภคเครื่องดื่มที่ให้น้ำตาลสูงเช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ในปริมาณมากเกิน

  • ลดความเครียด และภาวะกดดันต่างๆด้วยการคิดบวกและคิดสร้างสรรค์ การหัวเราะช่วยป้องกันโรคได้

เทคนิคเวลารับประทานอาหาร เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนและป้องกันการเกิดโรคเสื่อมได้ช้าลง

  • เคี้ยวให้ละเอียด เคี้ยวช้าๆคลุกเคล้าและกลับไป-มาอยู่ในปาก ด้านซ้ายและขวาอย่างน้อย 10 รอบก่อนกลื่นเพื่อให้กระเพาะดูดซึ่มสารอาหารได้ดีขึ้น

  • อย่ากินอาหารมื้อใหญ่เช่น บุ๊บเฟ่  เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเกินความต้องการ

  • อย่ากินยาประเภทลดกรด เพราะจะไปทำลายแบคทีเรียดีในลำไส้

  • ลดอาหารที่มีน้ำตาลมากๆ เช่นน้ำผลไม้ปั่นต่าง ลดความหวานของกาแฟลง เพราะน้ำตาลจะทำให้ร่างการมีการสะสมไขมันสูงขึ้น

  • เลี่ยงอาหารรสจัด เพราะมันทำให้ประสิทธิภาพของระบบดูดซึมในลำใส้ลดลง

  • ลดยาพวกยาสเตียรอยด์

  • ไม่ควรกินอาหารที่ตนเองแพ้ง่าย

        การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ การดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์สูงสุด ก็เหมือนกับการลงทุนอย่างหนึ่งให้กับชีวิตตนเอง โรคเสื่อม เกิดขึ้นได้ช้าลง เราสามารถใช้ประโยชน์จากร่างกายได้ยืนยาวขึ้น ช่วยชะลอวัยและดูหนุ่มสาว

บทความน่าสนใจ การดูตนเองให้มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์สูงสุด

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *