เทียนมหาลาภ ต้นไม้มหาเฮง สว่างโชติช่วง เสริมฮวงจุ้ยให้โชคลาภ คนปลูกเฮง
ประวัติเทียนพรรษา เทียนมหาลาภ
ในฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลเพาะปลูกของชาวบ้านเกษตรกร หากพระสงฆ์ต้องเดินทาง ไปเผยแผ่พระธรรมหรือธุดงค์ไปสถานที่ต่างๆ อาจจะไปสร้างความเดือดร้อน เหยียบย่ำ ต้นกล้า ต้นข้าว พืชผักและผลไม้ของชาวบ้าน ได้รับความเสียหาย ต่อมาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติ ให้เหล่าพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ต้องอยู่กับสถานที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันนั้นคือการจำพรรษาในวัดต่างๆ เป็นเวลาถึง ๓ เดือน ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ไปถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เพื่อให้ชาวบ้านได้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จก่อน ถึงจะสามารถออกธุดงค์หรือเดินทางไปเผยแพร่หลักธรรมได้อีกครั้ง
ในสมัยพุทธกาลก่อนถึงยุคปัจจุบันนี้ ไม่มีความเจริญก้าวหน้า การที่ไม่มีไฟฟ้าและการที่ไม่สามารถออกไปหาเศษผ้าต่างๆ “การขอผ้าจากผ้าห่มศพ” มาเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่ม เป็นสบงหรือจีวรได้ จึงสร้างความลำบากให้แก่พระสงฆ์ในช่วงจำพรรษา เพราะไม่มีแสงสว่างในการเจริญภาวนา การปฏิบัติกิจของสงฆ์ต่างๆ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในช่วงเวลากลางคืนได้ รวมทั้งหากเครื่องนุ่งห่มขาด ก็จะไม่มีเครื่องนุ่งห่มใหม่เปลี่ยน จากปัญหาดังกล่าวจึงเกิดประเพณีสำคัญถึง 2 ประเพณีก่อนเข้าพรรษา คือ ประเพณีการถวายผ้าอาบน้ำฝน และ ประเพณีถวายเทียนพรรษา เนื่องจากเป็นประเพณีที่เกิดขึ้นในอดีตกาล จึงไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่า มีประวัติความเป็นมาอย่างไรจนแน่ชัด แต่มีความเชื่อและการเล่าสู่กันฟัง จากรุ่นต่อรุ่นที่ว่า
-
1. ความเชื่อจากผลบุญในชาติปางก่อนของพระอนุรุทธะ ที่เคยให้แสงประทีปเป็นทาน ก่อนที่จะเกิดมาเป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม และได้บวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า จนสำเร็จมรรคผลที่มีความฉลาดรอบรู้ ในพระธรรมวินัยอย่างแตกฉาน
-
2. ความเชื่อในผลแห่งกรรมดีของหญิงคนหนึ่ง ที่มีโอกาสได้ฟังธรรมที่เชตวนาราม เมืองสาวัตถี นางได้เข้าถึงแห่งหลักธรรม พอถึงเวลาพลบค่ำ นางจึงให้คนรับใช้ นำเอาประทีปที่ของบ้านตน มาจุดไว้ตามถนนเพื่อให้แสงสว่างแก่ชาวบ้าน ที่มาฟังธรรมในวัด ได้อย่างสะดวกและมีความปลอดภัยมากขึ้น ครั้งเมื่อนางตายไป จึงได้เกิดเป็นเทพธิดามีรัศมี เปล่งแสงสว่างสวยงาม