คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก ใช้พลังแห่งฝันและเป้าหมายเป็นกำลังใจไปสู่ความสำเร็จ
เชื่อหรือไม่ว่าจุดกำเนิดของคำว่า “ความสำเร็จ” เริ่มต้นมาจากสิ่งเล็กๆที่ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่มันกลับมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเรียกว่า พลังทางความคิด เพราะคนที่สามารถดึงพลังแห่งความคิดออกมาใช้จุดประกายความฝันได้ จะกลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต หลักสูตรทางความคิด ถูกค้นพบและพิจสูจน์ได้ว่านำไปใช้สร้างความสำเร็จได้จริงปแล้วนั้นคือ กฏแห่งแรงดึงดูด เป็นการระดมสรรพกำลังสิ่งดีๆที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา ที่เรียกพลังจิตจักรวาลให้มาสถิตไว้ที่จิตใต้สำนึก เป็นกระบวนการสะสมความคิดบวกเชิงสร้างสรรค์ เพื่อปลดปล่อยพลังงานนั้นออกไปค้นหาโอกาสแห่งความสำเร็จ ให้ได้พบกับสิ่งที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งเทคนิคที่จะกล่าวต่อไปจากนี้ ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ้งหลักสูตรที่กูรูทางความคิดให้การยอมรับนั้นคือ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
กระบวนการแห่งความคิด คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จเกิดจากจุดเริ่มต้นที่ความคิด ความคิดจะนำไปสู่การกระทำ การกระทำบ่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย การมีนิสัยดีๆย่อมได้รับสิ่งดีๆ กระบวนการทางความคิด หมายถึง ปัจจัยทางความคิด ความเชื่อและทัศนคติ ที่มนุษย์ได้เรียนรู้ จากสภาพแวดล้อมต่างๆที่รับรู้ได้ตลอดทั้งชีวิต ดั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา การอบรมเลี้ยงดู สภาพทางสังคมที่อยู่อาศัยและการทำงาน ฯลฯ ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะถูกป้อนเข้าไปสะสมไว้ภายในจิตใต้สำนึก
หลังจากนั้นจิตใต้สำนึกก็จะมีกระบวนการทำงาน เพื่อการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ผ่านจิตสำนึกเป็นการกระทำในรูปแบบต่างๆ ตามปริมาณคุณลักษณะความคิดที่สะสมไว้ในจิตใต้สำนึกตามปริมาณประเภทของความคิดที่มากสุด
นั้นหมายความว่า หากใครมีการสะสมความคิดเชิงสร้างสรรค์มากๆ ก็จะมักจะมีโอกาสได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น สามารถมองโลกในแง่ดีได้การป้อนความคิดบวกบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นผู้ที่มีความยืดหยุ่นความสามารถยอมรับได้ทั้งด้านดีและด้านลบ ช่วยให้ตนเองสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทิศทางที่เป็นบวกได้ ก็จะทำให้เรากลายเป็นคนที่สามารถ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก เป็นคนที่เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถในตนเองมากยิ่งขึ้น แล้วโอกาสแห่งความสำเร็จในชีวิตก็ย่อมมีมากขึ้น
พลังแห่ง คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก มีอิทธิพลต่อความสำเร็จได้อย่างไร
เมื่อประสบความสำเร็จทุกๆคนก็หวังว่า คุณค่าแห่งผลสำเร็จที่ได้รับจะต้องยิ่งใหญ่ แต่ทำไม่ความคาดหวังความคิดของเรามันช่างขัดแย้งกับความจริง เพราะมักมีความกังวลและความกลัวเกิดจากกระบวนการเริ่มต้นลงมือทำเช่น กลัวการล้มเหลว กลัวว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ กลัวว่าตนเองจะมีความลำบากหากต้องทำงานที่ใหญ่ขึ้น
ข้อด้อยของการคิดเล็ก
จึงกลายเป็นเหตุให้คนทั่วๆไป คิดการเล็ก คนคิดเล็กชอบการลงทุนน้อยๆ ทำอะไรที่มันสำเร็จง่ายๆ หรือไม่ก็จะทำอะไรก็ต่อเมื่อ เคยประสบความสำเร็จมาก่อน จึงคิดว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า การคิดใหญ่ แต่การลงทุนน้อยๆ กลับสร้างความล้มเหลวที่มากกว่าเพราะความคิดเล็กๆเหล่านั้น เพราะการคิดเล็กทำให้เราล้มเลิกอะไรง่ายๆ เช่น เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วเจอปัญหาอุปสรรคก็หยุดลงมือทำ เพราะคิดว่าสามารถยอมรับได้ที่ไม่ได้เสียเงินลงทุนอะไรมากมาย หรือไม่ก็คิดว่า ถึงแม้ว่าฝืนลงมือทำจนประสบความสำเร็จก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่คุ้มค่า เมื่อล้มเหลวบ่อยขึ้นๆ ก็จะขาดแรงจูงใจขาดความทะเยอทะยาน จึงมักจะล้มเลิกเป้าหมายๆนั้นไป สำหรับกรณีที่คนคิดเล็กประสบความสำเร็จ ก็มานั่งคิดเสียดายภายหลัง แล้วก็ชอบบ่นกับตัวเองว่า น่าเสียดาย รู้อย่างนี้… น่าจะ …ลงทุนให้มากกว่านี้, ลงมือทำให้มากกว่านี้
ความสำเร็จของการคิดเล็กก็เหมือนส่วนบนของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ให้เห็นจากผิวน้ำ แต่แฝงไปด้วยความล้มเหลวที่เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ที่อยู่ใต้ผิวน้ำของภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งคุณค่าแห่งความสำเร็จมันจึงดูด้อยค่ากว่าต้นทุนที่ใช้ไป มีทั้งต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนเวลาที่สูญเสียและต้นทุนทางโอกาสการที่จะได้เรียนรู้ การพัฒนาตนเองอะไรใหม่ๆ ฯลฯ
จุดเด่นของ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
กล้า คิดใหญ่: คิดการใหญ่ คือ การมองหรือจินตนาการภาพของผลลัพธ์แห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถเรียกพลังแห่งความเชื่อมั่นแรงศรัทธาและการนับถือตนเอง เพื่อนำมาใช้สร้างแรงกระตุ้นและเป็นพลังแรงใจ ในการฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคต่างๆ การคิดใหญ่ช่วยสร้างพลังแห่งความทะเยอทะยาน มีความมุ่งมานะ มีความเพียรและลงมือทำอย่างต่อเนื่องด้วยกำลังความสามารถที่มี ให้ไปถึงจุดหมายได้ จากเป้าหมายที่คิดการใหญ่ เพราะคนคิดการใหญ่มั่นใจว่าเมื่อประสบความสำเร็จ เขาจะได้รับสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนไป จึงไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ
เทคนิควิธี คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
ธรรมชาติของการทำงาน มักมีปัญหาอุปสรรคเสมอ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก ช่วยทำให้เราไม่สนใจที่ตัวปัญหา แต่จะมุ่งไปที่การแก้ไขปัญหาและการปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น คิดการใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำให้ประสบความสำเร็จในขั้นตอนเดียว แต่สามารถเริ่มต้นจากความสำเร็จขั้นเล็กๆเพื่อเป็นฐานให้กับความสำเร็จในขั้นถัดไป เป็นการพัฒนาที่ละขั้นแล้วจึงค่อยๆ ขยับไปสู่ขั้นแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ เรามาเรียนรู้เทคนิควิธี คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก “14 วิธีกล้าคิดใหญ่” ดังนี้
วิธีที่ 1 คิดว่าทำได้ คุณก็จะทำได้ เติมพลังแห่งความเชื่อศรัทธาในตนเอง แบบไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใด จะทำให้ตนเองมีพลังแรงกาย แรงใจ ทำงานด้วยความพากเพียร ความคิดและความเชื่อว่าจะ “สำเร็จ” จะกระตุ้นจิตใจให้คิดถึงเป้าหมายเป็นที่ตั้ง จงคิดแผนการและกลยุทธ์ก่อนการลงมือทำสิ่ง คิดว่าทำได้ จะสร้างความมั่นใจและมีพลังแห่งความกล้าหาญ ก่อนลงมือทำให้คิดเสมอว่า คุณเก่งกว่าที่คุณคิด คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
วิธีที่ 2 เอาชนะโรคชอบแก้ตัว คนโดยส่วนใหญ่มักพูดถึงคนที่ประสบความสำเร็จว่า “คนนั้นคนนี้เขาโชคดีจัง” ถ้าฉันมี….เหมือนเขาฉันคงสำเร็จได้เหมือนกัน ซึ่งเรียกว่า “การแก้ตัว” เป็นวิธีทำให้ตนเองไม่รู้สึกว่า ตนแย่ ซึ่งยังมีคำแก้ตัวอีกหลายอย่างเช่น ฉันไม่เก่ง ฉันไม่มีพรสวรรค์ ฉันไม่ได้เรียนด้านนี้มา ฉันมีปัญหาด้านเรื่องสุขภาพ ฉันไม่มีความเฉลียวฉลาด ฉันอายุน้อย-มากเกินไป ฉันโชคไม่ดีเหมือนกับคนอื่น จงเปลี่ยนแปลงความคิดชอบการแก้ตัว เปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นคนชอบเรียนรู้ที่จะคิดและเลียนแบบความคิดจากประสบความสำเร็จที่ว่า พวกเขาทำอย่างไร คิดอย่างไร แล้วนำไปปรับใช้กับชีวิตของตนเอง
วิธีที่ 3 สร้างพลังความศรัทธาและเชื่อมั่นในตนเอง ตัวคุณเองต้องเชื่อก่อนว่า ทุกๆสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นเดียวกับความเป็นอยู่และรูปแบบการดำรงชีวิต ก็สามารถเปลี่ยนให้อยู่ดีมีสุขได้เหมือนกับคนประสบความสำเร็จได้ จากความสามารถของเราเองนี่แหละ เมื่อความคิดเปลี่ยนจะทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนและประสบความสำเร็จแน่นอน การลงมือทำบนความเชื่อและศรัทธาอย่าไปสนว่ามันจะล้มเหลว เพราะมันจะทำให้ตัวคุณมี “พฤติกรรมที่ล้มเหลว” จงใช้เทคนิคการสร้างความเชื่อมั่นในกิจวัตรประจำวันอย่างเช่น มองคนอื่นด้วยภาพที่เท่าเทียมกับตนเอง การทำสิ่งต่างๆควรนั่งแถวหน้าเพื่อสร้างความมั่นใจ เมื่อมีโอกาสพูดกับคนอื่นให้ฝึกสบตา เพื่อจะเขาบอกว่า “ เราจริงใจ เรามีความรู้ ในสิ่งที่กำลังพูดให้คนอื่นฟัง” หัดเดินให้เร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ ด้วยท่าเดินที่สมาร์ท ยืดไหล่ เงยหน้า แล้วจะทำให้รู้สึกได้ว่า มีความมั่นใจมากขึ้น
วิธีที่ 4 ฝึกคิดเรื่องใหญ่ ๆ การจินตนาภาพแห่งความคิด คนที่คิดการใหญจิตใจ จะเต็มไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นและสามารถกระตุ้นตัวเองได้ ข้อดีของพลังแห่งการจินตนาการคือ ภาพแห่งความคิดที่ป้อนไปยังจิตใต้สำนึกเหล่านั้น จิตใต้สำนึกเชื่อว่า เป็นเรื่องจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่จินตนาการหรือเรื่องโกหกก็ตาม จงใช้วิธีจินตนาการภาพความฝันที่เป็นเรื่องใหญ่ๆเช่น เป็นนักลงทุนหมื่นล้าน มีคฤหาสน์หลังใหญ่ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งยังไม่ต้องกังวลถึงความเป็นจริง จงเขียนภาพคิดการใหญ่เติมมันลงไปในสมุดบันทึกหรือธนาคารแห่งความคิดเป็นประจำ
วิธีที่ 5 คิดอย่างสร้างสรรค์ การอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆหรือมีกรอบความคิดเดิมๆ ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ ในที่สุดเราจะกลายเป็นคนล้าหลัง คนที่เปลี่ยนแปลงแนวความคิดหรือนักธุรกิจ Start Up ที่สามารถจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แล้วตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปได้ จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่วนการทำธุรกิจแบบอนุรักษ์นิยม Conservative ก็จะมีเพียงลูกค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เทคนิควิธีคิดอย่างสร้างสรรค์เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองว่า “เราจะทำให้ดีขึ้นอย่างไร ทำอย่างไรจะได้ผลงงานที่ดีกว่าเดิม” การถามตัวเอง จะช่วยทำให้คำตอบจากถามช่วยส่งสัญญาณไปให้จิตใต้สำนึกได้รับรู้ แล้วดึงพลังงานออกมาใช้งาน เทคนิคอีกอย่างคือ การฟังมากกว่าพูด เพราะการเป็นผู้ฟังที่ดี จะช่วยทำให้จิตใจได้รับการกระตุ้นเพื่อค้นหาสิ่งสร้งสรรค์ได้
วิธีที่ 6 เชื่อว่าเราเป็นคนสำเร็จที่ยิ่งใหญ่คนนั้น การจินตนาการจะทำให้เราได้เห็นภาพผลลัพธ์แห่งความสำเร็จ แล้วมันจะกลายเป็นพลังและแรงบันดาลใจ เพื่อใช้ในการต่อสู้และการฟันฝ่าปัญหาอุปสรรค ถึงแม้การลงมือทำบางอย่าง จะล้มเหลวก็ไม่ทำให้คนที่คิดการใหญ่ท้อแท้ ภาพคนสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จะช่วยทำให้คนที่ล้มแล้วสามารถลุกกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง ความพ่ายแพ้ของคนคิดการใหญ่คือ ประสบการณ์และการฝึกฝนสภาวะจิตให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
วิธีที่ 7 คิดใหญ่เอาแบบชั้นหนึ่ง ทุกๆความคิดไม่ได้ถูกลงมือทำเสมอไป การคิดใหญ่แล้วเห็นว่ามันคุ้มค่าเมื่อประสบความสำเร็จ ให้วางแผนและคิดว่าทุกขั้นตอนของการลงมือทำ จะต้องไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ จนกว่าผลงานที่ออกมานั้นจะเป็นที่หนึ่งเสมอ เพราะมันจะช่วยให้เราใส่ใจ มีความละเอียดรอบครอบมากยิ่งขึ้น ผลงานที่จะได้รับมันจะเต็มไปด้วยคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ผลสำเร็จของการคิดเอาแบบชั้นหนึ่งคือ ความภูมิใจกับผลงานที่ประทับใจ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีสร้างสิ่งที่เหนือความคาดหวังของคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า หัวหน้างานหรือนายจ้าง
วิธีที่ 8 สร้างทัศนคติให้เป็นพวกเดียวกับคุณ กริยาท่าทางที่กระตือรือร้นเช่น การยิ้ม การจับมือ การพูด การเดินที่สง่า จะช่วยทำให้ตัวเราเองมีพลังแล้วยังสามารถส่งต่อพลังนั้นไปยังบุคคลรอบข้างได้ หลังจากนั้นเราจะได้รับพลังสะท้อนจากการต้อนรับจากกลุ่มชน พลังงานดีๆเหล่านั้น จะถูกดึงดูดกลับมาที่มาตัวเราได้เป็นอย่างดีเช่น การมอบความจริงใจให้กับคนอื่นว่า เขาเป็นคนสำคัญ เราเองก็จะได้รับความรู้สึกว่า เราก็เป็นคนสำคัญของเขาเช่นกัน อีกเทคนิคคือ คิดเสมอว่าการบริการคนอื่น ต้องมอบสิ่งที่เหนือความคาดหวังของเขาเหล่านั้น แล้วเราจะได้เห็นคุณค่าของตัวเรา
วิธีที่ 9 คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น ฝึกเป็นคนประเภทที่คนทั่วไปชอบ เพราะจะทำให้พวกเขาสนับสนุนเรา การแนะนำตัวเองกับคนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาสทำได้และการคิดบวกต่อคนอื่น คุณจะได้สิ่งที่เป็นบวก จงยอมรับในความแตกต่างและข้อจำกัดในมนุษย์ อย่าคาดหวังถึงความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จากผู้ใด อย่าเป็นคนชอบแย้งชิง เพื่อเอาชนะเพียงฝ่ายเดียว ฝึกเป็นคนเอื้ออารีในการสนทนา เป็นเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จ คอยให้การสนับสนุนคนอื่นได้พูด ฝึกเป็นคนเอื้อเฟื้อและอย่าโทษคนอื่น เมื่อคุณพ่ายแพ้
วิธีที่ 10 สร้างนิสัยในการลงมือทำ ความคิดที่ยิ่งใหญ่อย่างเดียวไม่สามารถทำให้เป้าหมายเป็นจริงได้ จนกว่าความคิดและแผนการเหล่านั้นจะถูกนำไปปฏิบัติ การลงมือจะทำให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เทคนิคการลงมืออย่ารอจนเงื่อนไขต่างๆ สมบูรณ์แบบ ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความยุ่งยากและปัญหาอุปสรรค หรือแม้ว่าจะลงมือทำแล้ว แต่ดูเหมือนยังไม่ใกล้เคียงกับเป้าหมายเลย ควรกลับไปคิดว่าสิ่งที่ลงมือทำอยู่นั้นมันผิดหรือถูก แล้วนำไปทบทวนกลยุทธ์การลงมือเสียใหม่ พัฒนาความรู้จากหนังสือ จากผู้รู้ จากคนสำเร็จและมีวิธีคิดตรงกับเป้าหมายของคุณ “การลงมือทำ จะช่วยขจัดความกลัวและสร้างความมั่นใจ แล้วความกล้าหาญก็จะเข้ามาแทนที่”
วิธีที่ 11 วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ บนโลกนี้ไม่มีผู้ประสบความสำเร็จคนใด ไม่เคยพบกับความล้มเหลวมาก่อน ความพ่ายแพ้มีไว้เป็นบทเรียนเพื่อสร้างโอกาสที่จะได้รับความสำเร็จ การพัฒนาการปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นเสมอ คิดค้นวิธีการใหม่ๆ กล้าหาญที่จะเผชิญกับการวิจารณ์ตนเอง แล้วทำให้มันดีขึ้นเพราะความสำเร็จไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากโชคชะตา แต่เป็นเพราะผลลัพธ์จากการลงมือทำอย่างสร้างสรรค์ ไม่ควรเชื่อว่าการลงมือทำทุกเรื่องจะสำเร็จได้ 100 %
วิธีที่ 12 ใช้เป้าหมายช่วยให้คุณโต การคิดหรือการลงมือทำแบบไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย นอกจากไม่ประสบความสำเร็จแล้วยังทำให้เราต้องเสียเวลาสูญเสียโอกาส คนที่มีเป้าหมายจะมีแผนสำหรับไว้เป็นแนวทางเพื่อลงมือทำให้สำเร็จที่ละขั้น ก้าวไปที่ละขั้น/ทีละ Step จนถึงความสำเร็จขั้นสูงสุด เพราะคนที่มีเป้าหมายมักจะลงทุนให้ตนเองอย่างสม่ำเสมอ 1) ลงทุนด้านการศึกษาความรู้ในอาชีพที่ทำ ทั้งที่เป็นความรู้เก่าและใหม่แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับงาน 2) ลงทุนทางความคิด เพื่อสร้างสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
วิธีที่ 13 วิธีเลียนแบบคนที่ประสบความสำเร็จ ชีวิตเราคงมีเวลาไม่มากพอที่ไปเรียนรู้ ลองผิดลองถูกได้ทุกเรื่อง การคัดลอกแนวคิดและวิธีการจากคนที่ประสบความสำเร็จที่ค้นพบเอาไว้ มันสามารถย่นระยะเวลาความสำเร็จของเราลงได้ การเลียนแบบคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย ไม่ผิดอะไรหากเราจะประสบความสำเร็จ เพราะ ” นำแนวคิดของคนอื่นมาปรับใช้ นอกจากนี้เองแนวคิดเหล่านั้นมันไม่มีลิขสิทธิ์ใดๆ หากพวกเขานำมันมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ”
เทคนิคคือการพาตนเข้าไปอยู่ในบรรยากาศกับคนสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เข้าฟังสัมมนาหรือสามารถไปอยู่ในบ้านกับผู้ประสบความสำเร็จได้ยิ่งดี อีกวิธีหนึ่งคือการประยุกต์ใช้กฎ “ความเป็นมนุษย์” ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่น คิดอย่างก้าวหน้า ปรับปรุงในทุกสิ่งที่คุณทำ คิดมาตรฐานให้สูงในทุกเรื่องที่ทำ
วิธีที่ 14 วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหม่ คิดบวก คิกสร้างสรรค์ บนสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดในชีวิต เมื่อคนคิดเล็กพยายามกดคุณลงมา ถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้ง แล้วดูเหมือว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยง อาจจะมีการทุ่มเถียงจนถึงขั้นพยาบาทอาฆาต การคิดใหญ่จะช่วยทำให้คุณมองสิ่งเหล่านั้นไม่มีค่า แล้วกลับมาคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไร ให้คนที่คิดเล็กเหล่านั้นไม่สามารถเอาชนะได้
เมื่อรู้สึกว่าตนเองกำลังพ่ายแพ้ ความรักและความศรัทธาในตนเองเริ่มเสื่อมคลาย หรือหากรู้สึกว่า ความก้าวหน้าในงานกำลังช้าลงจง ให้ค้นหาวิธีการใหม่ๆ ตั่งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นแล้วจะปลอดภัยจากคนคิดเล็ก “มองไปที่เป้าหมายด้วยจินตนาการและเชื่อศรัทธา ลงมือและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ” คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก ชีวิตเรา….สร้างได้”
บทความแนะนำ: 6 พฤติกรรมที่ชีวิตล้มเหลว , กระบวนการสร้างชีวิต