คนล้มเหลว ในชีวิต เปลี่ยน 6พฤติกรรมที่ทำให้ชีวิตไร้ค่าให้กลายเป็นคนที่มีความสุข

          คนล้มเหลว ในชีวิตมักชอบสรรหาข้ออ้างต่างๆ นานา เพื่อทำให้ตนเองรู้สึกว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่มันถูกต้องแล้วเช่น มีความรู้น้อยบ้างละ ไม่มีเงินบ้างละ ไม่มีความรู้  ไม่มีศักยภาพเหมือนคนอื่นบ้างละ ทุกวันนี้งานที่ทำอยู่ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น กลับจากที่ทำงานเหนื่อย วันหยุดก็อยากจะนอนพักผ่อน

           ถึงแม้ว่าจะมีผู้หวังดีหยิบยื่นโอกาสดีๆ ที่จะสามารถสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้ ก็มักติดกับดักความคิด จึงมักหาข้ออ้างต่างๆเช่น  รู้แล้ว…ที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว…ไม่เดือดร้อนใคร…แต่ส่วนใหญ่คนที่มีงานประจำทำ ก็มักจะบ่นว่า เบื่องาน…เบื่อเพื่อนร่วมงาน…สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ เงินไม่พอใช้…หนี้สินก็เยอะ...วันหยุดไม่ได้หยุด…เวลาพักผ่อนก็ไม่ค่อนจะมี…ฯลฯ และแล้วชีวิตก็จมอยู่กับสิ่งเดิมๆ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบเดิมๆ  เคยอยู่อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เพราะการจมอยู่กับทรรศนคติ ความคิด การยึดติดความมั่นคงและความกลัว

                คนล้มเหลว  ในชีวิตมักติดกับดักและสร้างขีดจำกัดทางความคิดให้กับตนเอง เมื่อเกิดความผิดพลาดในการทำงาน มักจมอยู่กับปัญหา ไม่กล้าตัดสินใจ กลัวการเปลี่ยนแปลง ชอบคิดว่า การไม่ประสบความสำเร็จ จะทำให้ตนเองจะไม่ได้รับในสิ่งที่หวังและกลัวว่าตนเองจะลำบาก จึงชอบยึดติดกับความมั่นคง

                  คนล้มเหลว มักคิดเชิงลบ เมื่อความคิดลบถูกป้อนเข้าไปในจิตใจบ่อยๆ จึงแสดงนิสัยและพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ การงานมีประสิทธิภาพต่ำลง กลัวความเจริญก้าวในการทำงาน เกรงว่าตัวเองจะลำบาก เพราะต้องมีภาระหน้าที่มีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จมักมีแนวคิดดี คิดบวกเชิงสร้างสรรค์ จึงทำให้พวกเขากลายเป็นคนประสบความสำเร็จ

คนล้มเหลว มีพฤติกรรม 6 ลักษณะ ดังต่อไปนี้

คนล้มเหลว

คนล้มเหลว

1. ไม่มีความกล้าหาญและยึดติดความมั่นคง 

            การมีที่มาของรายได้เพียงด้านเดียว  จึงทำให้คนโดยส่วนใหญ่ชอบยึดติดความมั่นคง เพราะกลัวว่าจะสูญเสียรายได้ และมักจะเกิดขึ้นกับคนที่ทำงานประจำหรือมนุษย์เงินเดือน นอกจากนี้คนที่ทำงานประจำมักได้รับการปลูกฝัง ความเป็นมืออาชีพในการทำงาน เพื่อจะได้ความก้าวหน้าในอาชีพและประสบความสำเร็จในชีวิต ตั้งแต่พ่อ-แม่ โรงเรียนมักสอนให้พวกเราขยันทำงานอย่างหนัก เพราะอาจจะได้รับการโปรโมทเลื่อนตำแหน่งกลายเป็นหัวหน้า จะได้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น จะได้มีความสุขในชีวิต  แต่เมื่อได้ต่ำแหน่งสูงขึ้นต้องทำงานเพิ่มขึ้นและต้องแบ่งเวลาให้กับการทำงานมากขึ้น เพื่อจะทำงานให้สำเร็จและมีประสิทธิภาพ

           โดยปกติของคนทำงานประจำเมื่อมีเงินมากขึ้น มักซื้อความสะดวกสบายก่อนการลงทุนและชอบโอ้อวดเช่น ซื้อบ้านหลังใหญ่ ซื้อรถคันใหม่ แต่เงินที่ใช้ซื้อโดยส่วนใหญ่ ก็ไม่สามารถจ่ายเป็นเงินสดได้ จึงนำสลิปเงินเดือนที่ได้ไปกู้เงิน จึงมีภาระและหนี้สินเพิ่มขึ้น

             การมีรายได้ทางเดียวและการก่อหนี้ที่สูงขึ้น จึงกลายเป็นกับดักการยึดมั่นกับความมั่นคง จึงมอบเวลาโดยส่วนใหญ่ให้กับงานประจำ จะกลัวการถูกเลิกจ้างและกลัวการตกงาน หากไม่มีงานทำก็จะไม่มีเงินใช้หนี้สินที่เพิ่มขึ้น เพราะกลัวว่าจะสูญเสียความสะดวกสบายที่เคยได้รับ กลัวการเริ่มต้นใหม่อะไรใหม่ๆ และกลัวการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะบอกกับตัวเองว่าสามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานได้ แต่ก็ทำได้แค่เพียงเปลี่ยนสถานที่ทำงาน

            กับดัก ยึดติดความมั่นคง ทำให้กลายเป็นคนไม่กล้าหาญ เป็นเหตุโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายสุดแห่งการดำรงชีวิต “เวลาทั้งชีวิตจึงถูกใช้ไป กับการตกปลา ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไร จะได้ปลา ที่ตนเองต้องการ ” จึงทำให้เวลาโดยส่วนใหญ่ของมนุษย์เงินเดือนอยู่ที่งาน ซึ่งไม่มีความเป็นอิสระทางการเงินและเวลา ต้องทำงานแบบเดิมๆ  โดยที่ไม่รู้ตนเองว่าแท้จริงแล้วเป้าหมายชีวิตของตนเองต้องการอะไร

             คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มักจะมีกล้าหาญ พวกเขากล้าที่จะลงทุนเมื่อพวกเขามองเห็นภาพแห่งความสำเร็จและความเป็นไปได้ว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดี เลิกยึดติดความมั่นคงปรับปรุงพัฒนาชีวิต เริ่มต้นจากเรียนรู้ เพราะความรู้จะสร้างความกล้าหาญที่จะตัดสินใจ เปลี่ยนแปลง  เลิกยึดติดสิ่งที่ทำเป็นประจำ ค้นหาวิธีสร้างรายได้อื่น ควบคู่ไปกับการทำงานแบบเดิม ค้นหารูปแบบของรายได้แบบ ให้เงินทำงาน ใช้เงินจากงานประจำ ไปลงทุนซื้อทรัพย์สิน เพื่อให้ทรัพย์สินสร้างรายได้เป็นเงินสดเช่น การออมในหุ้น

2. ไม่รู้จักวางแผน

        ธุรกิจส่วนตัวเป็นเรื่องแปลก เวลาอยู่ในหัว ไอเดียจะมีมากมาย แต่พอเริ่มทำจริง จะพบข้อจำกัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการตลาด ทำเลที่ตั้ง วัตถุดิบ การบำรุงรักษาเครื่องจักร การประกันภัย การบัญชีและการเงิน การกระจายสินค้า  ขณะเดียวกันผู้กระจายสินค้าก็หันมาทำการผลิตสินค้าเอง ยังไม่รวมวิธีการกีดกันการค้าด้วยวิธีการต่างๆเช่น จะขายสินค้าได้  ต้องปรับปรุงกระบวนและโรงงานผลิตให้ผ่านระบบมาตรฐานต่างๆ ก็มักจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ลูกจ้างคนงานเปลี่ยนแปลงบ่อย เข้า-ออก ขาดทักษะในการควบคุมคุณภาพสินค้า ความไม่ชื่อสัตย์และสิ่งเลวร้ายคือ ลูกจ้างบางคนออกจากงานไปเปิดร้านหรือสร้างโรงงานแข่งกับธุรกิจของตัวเอง

         ปัญหาการทำธุรกิจส่วนตัวที่เล่ามา คงยังไม่หมดซะที่เดียว เพราะความแตกต่างของธุรกิจ ความรุนแรงในการแข่งขัน มักจะมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ สภาพแวดล้อมการแข่งขันฯลฯ  ดังนั้นการเริ่มต้นลงทุนสร้างทรัพสินย์ใดๆ ถ้าไร้การวางแผนคงไม่สามารถประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจได้

        การใช้ชีวิตก็เช่นเดียวกันต้องมีปัจจัยต่างๆมากมาย จึงต้องวางแผนการดำเนินชีวิต ควบคู่แผนในการจัดการเงินแบ่งเงินเป็นสัดส่วน เงินลงทุน เงินสำหรับใช้ส่วนตัว เงินสำหรับเอาไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินเป็นต้น

       การเขียนแผนชีวิตที่มาจากเป้าหมายของตนเอง เพื่อรู้ว่าในแต่ละกิจกรรมสามารถวัดเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จได้อย่างไร การวางแผนที่ดีต้องกำหนดรายละเอียด ตั้งกรอบเวลาในการทำงานของแต่ละกิจกรรมให้ชัดเจน และที่สำคัญแผนต้องสามารถคาดการได้ว่า เมื่อประสบความสำเร็จจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทน

3. อยู่ในสภาพแวดล้อมไม่ดี

         สังคมปัจจุบันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่บั่นทอนกำลังใจ เมื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น การดำรงชีพอยู่ในสังคมต้องมีเงินมากขึ้นตามไปด้วย การแข่งขันก็จะยิ่งทวีความรุ่นแรงมากขึ้น ไม่วาจะเป็นการแกร่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อสร้างความก้าวหน้าในอาชีพและสร้างโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง ก็หวังว่าจะมีรายได้มากขึ้นนั้นเอง แต่คนที่ประสบความสำเร็จในงานประจำมักมีน้อย  เพราะตำแหน่งสูงๆในงานประจำขององค์กรต่างๆ ก็มักจะมีเพียงไม่กี่ตำแหน่งเท่านั้น

          ปกติสภาพแวดล้อมและการแข่งขันกันในงานประจำ “ต่อให้ไม่ชอบใจกัน ไม่กินเส้นกัน  เมื่อมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ก็ยังต้องอดทนและยิ้ม ทั้งๆที่ข้างในลึกๆ แล้วยังคงไม่พอใจ ก็เพราะต้องทำงานร่วมกันไปอีกนาน

          คนที่ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมและสังคมที่เป็นลบ จะทำให้ชีวิตแย่ลง ถ้าเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการดำรงชีพได้ให้รีบเปลี่ยน แต่หากไม่สามารถทำได้ เริ่มต้นที่ตัวเราด้วยการเปลี่ยนแปลงแนวคิด ให้คิดบวกเชิงสร้างสรรค์และพัฒนาตนเองให้สามารถมองโลกในแง่ดีได้ในสภาพแวดล้อมแย่ๆ ฝึกรับมือกับภาวะอารมณ์ให้สามารถยอมรับได้ทั้งสิ่งที่เป็นบวกและเป็นลบ คิดและหวังดีกับผู้อื่น อยากให้คนอื่นยิ้มให้ต้องยิ้มให้คนอื่นก่อนเสมอ เพราะสิ่งดีๆสามารถถ่ายทอดไปสู่คนอื่นๆ ได้ คิดเสมอว่าตัวเราเองคือผู้สร้างสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ได้ เพื่อทำให้ชีวิตของเราดีและมีความสุข

4. มัวแต่รอโอกาส

            การไหว้พระ 9 วัด ตั้งแต่ต้นปีมันดี แต่การเฝ้าแต่รอโอกาสดีๆ ให้เกิดขึ้นเองนั้นเป็นเรื่องยากเช่น รอว่าสักวันหนึ่ง จะมีบุญหล่นทับ มีผู้ใจดีเอาเงินทองใส่พานมากองให้ หรือหวังการถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง แทนที่จะเอาเวลาจดจ่อในวันที่หวยออก  ไปทำประโยชน์อย่างอื่นจะดีกว่า  เพราะการคิดว่าสักวันหนึ่ง….จะถึงคิวโชคดีของตนเองบ้าง มันไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้

     นอกจากจะสูญเวลาแล้ว ยังเป็นการสูญเสียโอกาส สู้เอาเวลาที่รอ ไปเรียนรู้ในสิ่งที่ขาด นับเป็นวิธีสร้างโอกาสให้ตัวเองเช่น การไปพบปะพูดคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยการอ่านหนังสือชีวประวัติ การอบรมสัมมนาต่างๆ การเรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตของคนสำเร็จ เรียนรู้รูปแบบการใช้ชีวิตและเรียนรู้วิธีคิดของคนคิดบวก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเทคนิควิธี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมรับโอกาส สร้างความสำเร็จในชีวิตได้

5. ขาดเป้าหมายชีวิต จึงปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามกฎของกาลเวลาและวันดับสูญ

          ทำไมปลาแซลมอน  ต้องว่ายทวนน้ำ 2,400 กิโลเมตรเพื่อไปวางไข่ ซึ่งมันรู้ดีว่า ถ้ามันวางไข่ที่ต้นน้ำ ลูกของมันจะปลอดภัย นี้คือภารกิจชีวิตของปลาแซลมอนที่มันทำเพื่อครอบครัวและการดำรงเผ่าพันธุ์ แต่ผลลัพธ์ของมันคือตาย  แล้ว “ถามว่าทำไมปลาแซลมอน จึงไม่หาวิธีวางไข่โดยไม่ตาย คำตอบคือ เพราะปลาแซลมอลมันมีชีวิตที่ไม่สามารถคิดได้  ไม่มีเป้าหมาย ก็เพราะปลาแซลมอลไม่มีสมอง ที่จะสามารถคิดปรับปรุงและสามารถเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตได้ จึงไม่สามารถปรับปรุงชีวิตให้ดีกว่าเดิมได้ เพราะมันไม่สามารถฝืนกฎของธรรมชาติได้  เพราะปลายังไงก็เป็นปลา “

          มีแต่มษุษย์เราที่ไม่เป็นอย่างนั้น  เราสามารถเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตได้ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ สามารถตั้งเป้าหมายชีวิต แล้วใช้เป้าหมายเป็นเข็มทิศชีวิตเพื่อชี้นำแนวทางในการปฏิบัติ เป็นวิธีสร้างบันดาลใจ สร้างพลังและความั่นใจ  สำหรับการลงมือเพื่อทำให้ฝันจากจินตนาของเรากลายเป็นจริงได้ เป้าหมายสามารถเปลี่ยนแปลงกฎบางอย่างได้ คิดเสมอว่าคนอื่นทำได้ เราทำได้ ความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลวในชีวิตคือ คนประสบความสำเร็จจะมีเป้าหมายชีวิต

6. ไม่ปรับตัว ขณะที่โลกเปลี่ยนแปลงและชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไป

               10 ปีที่แล้วเราใช้มือถือกันยี่ห้อเดียว ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งของโลก แต่ทุกวันนี้มันถูกลืมและได้หายไปจากตลาด เพราะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปได้  เพราะการเปลี่ยนแปลงมักเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่งเช่นเดียวกับ คนล้มเหลว ในชีวิต มักปล่อยให้ชีวิตไปตามกาลเวลาและไม่ได้ปรับตัวเองให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

                สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จ มักจะไม่หยุดนิ่งด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต ปรับปรุงตัวเอง พวกเขามักจะคิดเสมอว่ามีครูอยู่ทุกที่ แม้แต่ความพ่ายแพ้ล้มเหลว ก็ยังมีประโยชน์ที่ทำให้ตนเองเป็นคนฉลาดในเรื่องนั้น ได้เรียนรู้บทเรียนและสร้างโอกาสบนความล้มเหลวได้

         รสชาติแห่งความสำเร็จในชีวิตคือ ผลลัพธ์ของเป้าหมายจากการลงมือทำจนประสบความสำเร็จ  ส่วนคำว่า “ล้มเลิก” เป็นสิ่งที่ คนล้มเหลวในชีวิต ” คิด “

          เปลี่ยนแปลงตัวเองขจัดพฤติกรรม 6 ลักษณะ ที่ทำให้ชีวิต ไร้คุณภาพไม่มีความสุข  จงมีชีวิตอยู่ที่เป้าหมายแล้วฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคน้อยใหญ่ สร้างแผนชั้นเยี่ยม “อย่ายึดติด อย่ากลัวที่ ที่จะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ จงเริ่มต้นด้วยการศึกษาหาความรู้  เพราะความรู้เป็นจะเข็มทิศชี้นำเส้นทางแห่งความสำเร็จ” ควรแบ่งเวลาโดยส่วนใหญ่ ให้กับการเงินการลงทุนในทรัพย์สินให้มากกว่างานอื่นๆ

         สร้างสภาพแวดล้อมเหมาะสมและเปลี่ยนแปลงตัวเอง  ก่อนที่จะถูกสภาพแวดล้อมบังคับให้เราต้องเปลี่ยน อย่ามัวแต่นั่งรอโอกาส ต้องคิดบวก คิดสร้างสรรค์ เข้าใกล้คนสำเร็จ  สร้างโอกาส เดินออก Save Zone เพื่อไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ  ค้นหางานที่ใช่และต้องเป็นงานที่ให้อิสรภาพทางการเงินและให้เวลา จงคิดการใหญ่ ไม่คิดเล็ก การคิดใหญ่จะให้พลังแห่งความเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของตนเอง ชีวิตเป็นของเรา ชีวิต…สร้างได้

บทความแนะนำ : ฝึกคิดบวก, 10 คำพูดเพื่อคนคิดบวก, กล้าคิดใหญ่, แนวคิดรวยๆ,จิตใต้สำนึก

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *