โทษน้ำตาล การเสพติดอาหารรสหวาน อารมณ์จะแปรปรวนและซึมเศร้า
โทษน้ำตาล การรับประทานอาหารจำเป็นต้องได้ รับคุณค่าทางสารอาหารครบ 5 หมู่ น้ำตาลถือได้ว่าเป็นสารอาหารที่อยู่ในกลุ่มของคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง ที่สามารถละลายน้ำได้ มีรสหวาน น้ำตาลมีธาตุองค์ประกอบไปด้วยคาร์บอนไฮโดรเจนและออกซิเจน น้ำตาล 100 กรัมจะให้พลังงาน 386 กิโลแคลอรี่ ให้สารอาหารจำพวกโซเดียม 1 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 2 มิลลิกรัม และ ให้ธาตุเหล็ก 0.1 มิลลิกรัม
น้ำตาลจากแหล่งต่างๆมีดังนี้
1 น้ำตาลจากผลไม้ เป็นน้ำตาลที่มีคุณภาพและมีคุณค่าต่อร่างกายสูง
2 น้ำผึ้งประโยชน์ของน้ำผึ้ง จะให้พลังงานที่ดี แต่มีแคลอรี่สูง จึงควรระมัดระวังในการรับประทาน
3 maple syrup คือน้ำตาลที่สกัดได้จาก น้ำในต้นเมเปิ้ล มีแร่ธาตุสูงมากโดยเฉพาะโพแทสเซียมและก็แคลเซียม
4 Corn syrup คอร์นไซรัป เป็นน้ำหวานที่มีความเหนียว ใส่เพื่อเพิ่มสีสันในอาหาร โดยส่วนใหญ่พบในน้ำสลัด ไอศกรีมผลไม้กระป๋องในน้ำเชื่อม
5 dextrose เป็นน้ำตาลกลูโคส ที่อยู่ในรูปทางเคมี เป็นน้ำตาลที่พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ ที่เกิดจากการดัดแปลงจากการสกัดผลไม้ ข้าวโพดนิยมใช้นำมาทาขนมปัง
6 น้ำตาลทรายแดงเป็นผลิตภัณฑ์จากกากน้ำตาลมากนิยมใช้ในการทำขนมปัง
7 เก็ดน้ำตาลทราย โดยส่วนใหญ่จะถูกสกัดจาก อ้อยและผ่านกระบวนการทางเคมี และยังมีการฟอกสีอีกด้วย
8 high fructose corn syrup เป็นน้ำตาลที่ทำจากแป้งข้าวโพดแล้วเพิ่มเอนไซม์เข้าไป โดยส่วนใหญ่จะใช้กับ การทำน้ำอัดลม และการทําไอศกรีม ขนม แช่แข็ง
9 น้ำตาลเทียมเป็นสารสังเคราะห์ที่ถูกสกัดขึ้นทางวิทยาศาสตร์ โดยมีคุณสมบัติให้ความหวานคล้ายน้ำตาล สามารถนำมาใช้แทนน้ำตาลได้
น้ำตาลถือได้ว่า เป็นส่วนประกอบหลักสำคัญของอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเติมเต็มรสชาติให้เกิดความอร่อย ปกติการดำเนินชีวิตต้องมีการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกาย จำเป็นต้องใช้พลังงาน และพลังงานที่ร่างกายต้องใช้ 70% จะได้จากคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลที่เป็นโมเลกุลเดี่ยวอย่างเช่นกลูโคส โดยเฉพาะส่วนสำคัญของร่างกายนั้นคือ สมองของเรามีความต้องการใช้พลังงานอย่างมากในช่วงเช้าเวลาไม่เกิน 9.00 นาฬิกา ดังนั้นสารอาหารสำหรับอาหารมื้อเช้า จะต้องประกอบไปด้วยน้ำตาล เพราะจะทำให้สมองและส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รับพลังอย่างเพียงพอ โดยไม่จำเป็นต้องไปดึงพลังงานจากส่วนอื่นๆของร่างกายมาใช้
แต่การกินหวานมากเกิน ก็มีโทษต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน จากข้อมูลเครดิตพบว่าคนไทยกินหวานมากที่สุดในโลกรองจากคนบราซิล คนไทย 1 คนจะกินน้ำตาลมากถึง 36 กิโลกรัมต่อปีหรือสามารถเทียบวันละประมาณ 25 ช้อนชา องค์การอนามัยโลกได้กำหนดปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการไว้ว่า ไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 10% ของปริมาณพลังงานในแต่ละวันที่ร่างกายต้องการ และแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลในปริมาณน้อยน้อย โดยปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายต้องการใน 1 วันไม่ควรเกิน 24 กรัม หรือ 1 วันไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา แสดงว่าให้แสดงให้เห็นว่า คนไทยกินน้ำตาลมากเกินความจำเป็นของร่างกาย
น้ำตาลจะผ่านกระบวนการ สกัด เพื่อทำเป็นเม็ดหรือก้อนน้ำตาล เก็ดน้ำตาล น้ำตาลก้อนเล็กๆ แต่ให้พลังงานหรือแคลอรี่ calories สูง เมื่อเรารับประทานเข้าไป จึงรู้สึกว่าได้รับปริมาณอาหารไม่มาก แต่แท้จริงแล้ว เราได้รับพลังงานเกินความจำเป็นของร่างกาย
โทษน้ำตาล การกินหวานมากเกินไปจะทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารของคนไทยโดยส่วนใหญ่ จะมีน้ำตาลหรือแป้งคาร์โบไฮเดรต ที่สามารถแปลงรูปสารอาหารให้เป็นน้ำตาล หลังจากที่เราบริโภคเข้าไป สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ ในอาหารหลักอย่างเช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว และยังมีอาหารอื่นๆ อีกมากมาย จึงทำให้ปริมาณน้ำตาล ในร่างกายของคนเราในแต่ละวันเกินความจำเป็น จึงกลายมาเป็นโทษต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้
1 การกินน้ำตาลมากเกินไปทำให้เกิดโรคอ้วน เพราะน้ำตาลที่เกินความจำเป็นของร่างกาย จะถูกเก็บไว้ในรูปไขมัน แล้วไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ พุง สะโพก ต้นขา ต้นแขนหรือแม้แต่อวัยวะตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างเช่นตับ
2 การกินน้ำตาลมากเกินไป จะทำให้น้ำตาลไปจับกับคอลลาเจน ทำให้ปริมาณของฮอร์โมนแห่งความอ่อนเยาว์ลดลง เมื่อปริมาณคอลลาเจนลดลง จึงทำให้ผิวแห้งผิวหนังเหี่ยวย่น ผิวมีความยืดหยุ่นน้อย จึงทำให้แก่ก่อนวัย
3 ทำให้ภูมิคุ้มกันตกต่ำลง การมีน้ำตาลในร่างกายมากเกินไป จะทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติขาดความสมดุล ภูมิต้านทานโรคต่ำ จะเกิดเจ็บป่วยได้ง่าย
4 การมีน้ำตาลในร่างกายมากจนเกินไป ทำให้เกิดโรคเบาหวานๆ คือภาวะร่างกายที่ดื้ออินซูลิน หรือปริมาณน้ำตาลในเลือดมีมากเกิน ฮอร์โมนอินซูลินซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงน้ำตาลไป ให้กับเซลล์ เพื่อให้เซลล์เผาผลาญพลังงานจากน้ำตาลให้หมดไป แต่หากมีปริมาณน้ำตาลมากเกินความจำเป็น ทำให้เซลล์ไม่สามารถเผาผลาญสารอาหารได้หมด ในที่สุดจึงเป็นโรคเบาหวาน
5 เป็นโรคฟันผุ การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป และ น้ำตาลที่หลงเหลืออยู่บนผิวฟัน จะกลายเป็นอาหารให้แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เกิดฟันผุได้
6 มีผลต่อโรคที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างเช่นโรคภูมิแพ้ โรคติดเชื้อ เพราะน้ำตาลเป็นอาหารของเชื้อโรคเกือบทุกชนิด นอกจากนี้น้ำตาลยังเป็นแหล่งอาหารของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี
ข้อแนะนำในการบริโภคน้ำตาล ที่ไม่เกินความจำเป็นของร่างกาย
1 ให้เลือกน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรต โดยที่ไม่ผ่านกระบวนการสกัดหรือดัดแปลง ให้บริโภคจากธรรมชาติโดยตรงอย่างเช่น การกินผักผลไม้แบบสดๆ การบริโภคแบบผลสดจะช่วยทำให้การดูดซึมของน้ำตาลเข้ากระแสเลือดทำได้อย่างสม่ำเสมอ มีปริมาณที่เหมาะสมต่อการนำไปใช้งานของร่างกาย แทนที่จะกินน้ำผักผลไม้ที่ปั่นแถมยังใส่น้ำเชื่อมเข้าไปอีกต่างหาก
2 ลดปริมาณความหวาน โดยลดปริมาณบางอย่างลง อย่างเช่นการกินกาแฟปกติเราจะได้น้ำตาล จากกาแฟทั้งในรูปของเม็ดน้ำตาลและน้ำตาลที่ได้จากคาร์โบไฮเดรตจากครีมเทียม ดังนั้นเราอาจจะบริโภคกาแฟดำแทนกาแฟที่ใส่ครีม ก็สามารถลดปริมาณน้ำตาลในร่างกายลงได้ สามารถลดคอเลสตอรอล ที่อุดตันตามเส้นเลือดในส่วนต่างๆของร่างกาย ที่สามารถลดโอกาสหรือป้องกันโรคหัวใจ
3 เลือกรับประทานอาหารว่างสุขภาพ แทนการบริโภคอาหารจำพวกแป้งหรือเบเกอรี่ อาจจะใช้ ผลไม้สดเป็นอาหารว่างที่มีแร่ธาตุ ใยอาหาร ให้วิตามินสูง ปริมาณน้ำตาลต่ำอย่างเช่น ส้ม มะละกอ ฝรั่ง ชมพู่เป็นต้น และควรหลีกผลไม้ที่ให้รสหวานมากอย่างเช่น เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย หรือแม้แต่ทุเรียนที่ให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรต และให้พลังงานสูง
หากต้องการอาหารว่าง จำพวกเบเกอรี่ก็ควรเลือกแป้ง ที่ทำมาจากแป้งโฮลวีท หลีกเลี่ยงที่ขนมให้ไขมันสูง รสหวานจัดอย่างเช่น เค้กหน้าครีม คุกกี้ แล้วหันไปรับประทานเบเกอรี่ที่ทำจากธัญพืชแทน หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นบริโภคธัญพืชไปเลย เพราะนอกจากมีความหวานต่ำแล้ว พืชจำพวกตระกูลถั่วมีประโยชน์ ให้โปรตีนสูง มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ
4 หลีกเลี่ยงอาหารหรือขนมหวานที่มีรสหวานจัด ขนมหวานบางชนิดของไทย จะมีรสหวาน เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ตะโก้และขนมหม้อแกงเป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มี คาร์โบไฮเดรตสูง จำพวกซาลาเปา แซนวิช ขนมปัง
เปลี่ยนนิสัยการกินหวานให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ
1 การลดปริมาณน้ำตาลให้ลดทีละน้อย ไม่ควรหักดิบ หรือยกเลิกการกินน้ำตาล เพราะ สุดท้ายอาจจะต้องกลับไปกินน้ำตาลปริมาณมากขึ้น บางคนเสพติดน้ำตาล เพราะอาหารหรือเครื่องดื่มหวานๆ สร้างความรู้สึกพอใจให้เรา จึงติดความหวานได้ง่าย การกินน้ำตาลในปริมาณที่สูงมากๆ จะทำให้สมองสั่งให้หลั่งสารเซโรโทนิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายมอร์ฟีน ทำให้เราเกิดการเสพติดโดยไม่รู้ตัว เมื่อสมองหลั่งสารเซเรเซโรโทนินมากขึ้น ก็จะทำให้เราอยากน้ำตาลมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่บริโภคน้ำตาลเข้าไป จะทำให้เกิดความรู้สึก หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิหรือบางครั้งทำให้รู้สึกหดหู่ซึมเศร้า เพราะภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
2 ควรหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปที่ให้น้ำตาลปริมาณสูง ลดปริมาณการดื่มน้ำอัดลมของหวาน น้ำหวานทุกชนิด ด้วยการดื่มน้ำเปล่าแทน เพื่อให้ร่างกายกลับมาคุ้นชินกับระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาอยู่ในภาวะปกติ
3 ควรหันมารับประทานอาหารที่ให้โปรตีนสูงแทนการรับประทานอาหารที่มี ไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลสูง หรืออาจจะหันไปรับประทานผักหรือผลไม้ที่ให้ไฟเบอร์สูงแทน เพื่อหาทำให้เรารู้สึกอิ่มท้อง
บทความที่น่าสนใจ ลดอ้วน
คลิปความเชื่อผิดๆ ในการลดความอ้วน https://www.youtube.com/watch?v=bCQ_1N3Pdzs&t=72s