จุดเปลี่ยนชีวิต นานาสาระ:การพัฒนาตนเอง ความคิด เทคโนโลยี การลงทุนและสุขภาพ

  จุดเปลี่ยนชีวิต Besterlife สาระ:การพัฒนาตนเอง ความคิด เทคโนโลยี การลงทุนและสุขภาพให้ชีวิตเปลี่ยน เชื่อว่าจะช่วยจุดประกายแนวคิด เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองและคนที่เรารัก รวมไปถึงการจุดประกายความคิดนักอ่าน นักพัฒนาตนเอง ผู้คนสนใจด้านต่างๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลง ทุกๆสิ่งเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆในสมองของเรานั้นคือ พลังแห่งความคิดแล้วมันจะสะท้อนไปยังทุกอณูของเซลล์ต่างๆไปทั่วร่างกาย เมื่อเซลล์ต่างๆได้รับแรงกระตุ้น อนุภาคพลังแห่งความคิดก็จะเป็นต้นทุนแห่งความสำเร็จ แค่เชื่อว่า เราทำได้…ก็จะทำได้ 

และผู้เขียนเชื่อว่าบทความ

 

 

      นานาสาระเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้อ่านมันบ้าง จึงได้สร้างเว็ปไซด์ขึ้นเพื่อการแชร์ประสบการณ์ เป็นการแลกเปลี่ยน ทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ เรื่องเล่าเหล่านี้  เพื่อนำใช้เป็นขวัญกำลังใจ การเปลี่ยนแปลงชีวิต

 

ประวัติ besterlife.com

www.besterlife.com ก่อตั้งเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2559

       มีวัดถุประสงค์เพื่อแชร์แนวคิด ประสบการณ์ บทความเรื่องสั้น นานาสาระประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยเริ่มเรียบเรียงบทความตั้งแต่ปี 2558

        วันแรกได้แชร์แนวคิดจำนวนทั้งหมด  24 บทความ ด้วยกั

 

ความเป็นมา besterlife.com

 

 จุดเปลี่ยนชีวิต  มันเกิดขึ้นจากความฝัน (เป้าหมายของชีวิต )

เมื่อย้อนกลับไปยังวัยเด็กของผู้สร้าง hppt://besterlife.com ซึ่งเป็นคนต่างจังหวัด  “พิษณุโลก”  เป็นเด็กชนบท (บ้านนอก) ฐานะทางครอบครัวไม่ต้องพูดถึง  ถ้าหากไม่เกิดในเมืองไทยชีวิตคงลำบาก  “เพราะบ้านเราสมัยก่อนในน้ำมีปลาในนามีข้าว” จึงไม่อดไม่อยาก มีแหล่งอาหารมากมายเพียงแค่ออกไปหามัน

        จุดเปลี่ยนชีวิต  ในวัยเรียนช่วงเรียนชั้นประถมศึกษา คิดว่าชีวิตตนเองมันช่างลำบาก (แอบคิด อิจฉาคนอื่น) เพราะเสาร์-อาทิตย์ เรามองเห็นเพื่อนๆคนอื่นได้อยู่กับบ้าน เพื่อนๆได้วิ่งเล่นกัน   แต่เรากลับต้องไปช่วยพ่อแม่ทำไร่-ทำนา  บางครั้งต้องไปรับจ้าง  เก็บถั่ว สับมันสำปะหลัง ซึ่งสมัยนั้นได้ราคาค่าจ้างปี๊บละบาท กว่าจะได้เงิน 1 มันช่างยากเย็นเสียจริง ” แต่ก็ทำให้เรารู้ค่าของเงิน” หลังเลิกเรียนบางวัน พอตกค่ำในช่วงกลางคือ ก็ต้องออกไปยิงนก ใส่เบ็ด ตกปลา เพื่อเก็บเอาวัตถุดิบไว้กินในวันถัดไป ยังมีอีกเยอะ ….เดี๋ยวจะดูเหมือนว่า ชีวิตรันทดเกินไป555….. จากเหตุการณ์เหล่านี้ จึงกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต ให้รู้ว่าเรามีฝันตั้งแต่วัยเด็กคือ ฝันว่าต้องเรียนให้สูงๆ   ก็เพราะอยากมีชีวิตที่สะดวกสบาย บวกกับเราก็รู้ดี จากจิตสำนึกว่าคำสอนของ พ่อ-แม่ ที่บอกว่า ไม่มีอะไรจะให้ อยากได้อะไร ก็จงขยันขวนขวายเอาเอง

         ในช่วงปิดเทอมก่อนเข้ามัธยมต้น  ได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกกับพระ ซึ่งเป็นการเข้าเมืองและออกต่างจังหวัดครั้งแรก (ก่อนที่จะได้ไป เราก็ไปเป็นลูกศิษย์อยู่กับท่าน ไปกวาดวัด สวดมนต์ทำวัด ) ในช่วงที่เดินทางนั้น ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ( คิดไปแล้วก็แอบหัวเราะตัวเองเหมือนกัน ในระหว่างทางนั้นก็มีร้องไห้ เพราะคิดถึงบ้าน)  โดยได้เดินทางไปถึง 4 จังหวัดด้วยกัน และที่ไกลสุดคือ จังหวัดอุบลราชธานี  ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหลวงพ่อท่าน  ทำให้เราได้บวชเณร และด้วยความใจดีของพี่สาวของหลวงพ่อ ซึ่งรู้ว่าเรากำลังจะได้เรียนต่อในมัธยมต้น  จึงได้ซื้อ นาฬิกา รองเท้าชุดนักเรียนให้กับเรา ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความรู็สึก ถึงความเอิบอิ่มใจ ของการผู้ได้รับและการเป็นผู้ให้ด้วยความจริงใจ  จึงฝันอยากเป็นผู้ให้ บ้าง

        ความยากมีอยากได้ จึงกลายไปเป็นความทะเยอทะยาน ในช่วงเข้าเรียนมัธยมต้น เราต้องเดินไปโรงเรียน แต่เห็นคนอื่นๆเขามีจักรยานขี่  จึงเกิดความคิดที่ จะมีรถจักรยานขี่ไปโรงเรียน ในช่วงปิดเทอม จึงได้ไปขุดมันสำปะหลังในป่า “ซึ่งเป็นมันสำปะหลังข้างไร่ ที่เขาตัดลำต้น แล้วเอาไปโยนทิ้งไว้ พอผ่านไปสักหนึ่งปีมันก็จะมีหัวมันเกิด”  จุดเปลี่ยนชีวิต ถัดมาคือเรามี รถจักรยานขี่ไปโรงเรียน

        พอเข้าเรียนช่วงมัธยมปลาย  เพื่อนๆขี่มอเตอร์ไซด์ไปโรงเรียน ฝันของเรา ก็อยากได้รถมอเตอร์ไซด์บ้าง แต่ฝันครั้งนั้นมันไม่ประสบความสำเร็จ  เพราะต้องใช้เงินมาก และเรารู้ว่าการที่จะขอจากพอ-แม่นั้นก็คงเป็นไม่ได้

       ในช่วงปิดเทอมปี 2539  เคยไปจับกัง แบกปูนในเมืองหลวงกับเพื่อนสนิท  พอได้เห็นวิศวกรโยธา ที่เข้ามาคุมงานก่อสร้างและรู้ว่าพวกเขาได้เงินเดือนสูงมาก ก็อยากเป็นวิศวกรโยธา  และที่ไม่ประสบความสำเร็จอีกครั้งคือ อยากมีคอมพิวเตอร์ เป็นคนแรกของหมู่บ้าน  วันหนึ่งพอได้เงินจากการแบกปูน พวกเราได้ข้อมูลจากการอ่านหนังสือพิมพ์  มีคอมพิวเตอร์ราคาถูกขาย ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ญาติโยมเลิกใช้แล้วนำไปบริจาคที่วัดสวนแก้ว เรากับเพื่อนเกลอจึงได้ออกเดินทางไป เพื่อซื้อคอมเก่าที่วัดสวนแก้ว แล้วต้องเหมารถขนคอมพิวเตอร์ไปซ่อมที่อยุธยา ซึ่งเป็นร้านที่เพื่อนของเพื่อนแนะนำ สุดท้ายคอมที่ส่งซ่อมก็ใช้งานไม่ได้  ส่วนจอภาพได้ขนขึ้นรถไฟกลับบ้านนอกทุกวันนี้ยังเก็บไว้เป็นอนุสร

        ปี2542 สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้  คณะแรกที่เลือกสอบเข้าคือวิศวกรรมโยธา  แต่ไม่ติด  จุดเปลี่ยนชีวิต คือการได้เรียนวิศวกรอุตสาหการ ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร  ในช่วงเรียนจบปี 1 จะขึ้นเรียนปี 2  จะสามารถเปลี่ยนสาขาวิชาได้   จากความฝันจึงได้ไปปรึกษาอาจารย์  อาจารย์จึงแนะนำว่าให้เรียนวิศวอุสาหการ เพราะในช่วงนั้นงานโยธามีน้อย ซึ่งเป็นปีหลังจากการเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540  เราจึงกลัวว่า  จะไม่มีงานทำ จำเป็นต้องเรียนวิศวกรอุตสาหการต่อไป “แล้วทำไมอาจารย์ไม่ให้เราเรียนการเงินการลงทุน เป็นนักธุรกิจบ้างนะ…ป่านนี้อาจจะกลายเป็นนักลงทุนที่มีอิสระภาพทางการเงินแล้วก็เป็นไปได้555…..”  ซึ่งการเรียนการสอนด้านวิศวกรรมก็บอกให้เรา ต้องทำงานอย่างมืออาชีพ ทำงานให้หนักแล้วจึงจะประสบความสำเร็จ ..ทุกวันนี้ก็ต้องทำงานโรงงานต่อไป

         เมื่อเรียนจบและได้ทำในสิ่งที่อยากทำคือ การบวช ทดแทนพระคุณพ่อและแม่  แต่ก็ได้บวชเพียงแค่ 9 วันเพราะลางานไม่ได้  พอมีประสบการณ์ในชีวิตมากขึ้น ฝันมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น อยากรวย อยากมีเงินเยอะ อยากซื้อหุ้น เพราะได้ยินคำพูด “คนจนซื้อหวยคนรวยซื้อหุ้น”

        จุดเปลี่ยนชีวิต  ชีวิตของคนตกงาน  จึงได้เรียนรู้และเข้าใจว่า การขาดสภาพคล่องไม่มีเงินใช้มันลำบากมาก เหตุมันเกิดขึ้น จากการไม่ได้โฟกัสความฝันและการเตรียมความพร้อมที่ดีคือ  การฝันอยากเป็นผู้บริหาร  เพราะรู้ว่าพวกเขาได้เงินเยอะ จึงนำเงินเก็บจากการทำงานไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหาร ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง พอเรียนจบตกงานอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง รู้งี่ไม่เรียนก็ดี

        การได้เปลี่ยนงานใหม่ แล้วตำแหน่งงานจึงค่อยๆขยับขึ้นๆ จนก้าวเข้าใกล้ตำแหน่งผู้บริหาร แต่มันก็ยังไม่ถึงเป้าหมาย ยังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังต้องทำงานประจำมามากกว่า 10 ปี ชีวิตยังจำเป็นต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปให้ทันเวลาเข้างาน เงินเดือนออกก็ต้องจ่ายหนี้

        ซ้ำร้าย จากความจำเป็นต้องมาทำงานไกลบ้าน จะได้กลับก็ต่อเมื่อเป็นช่วงเทศกาลเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมพ่อ-แม่ เพียงแค่ 1-2 ครั้งต่อปี  ช่วงที่ยังต้องเดินทางกลับบ้าน ด้วยรถโดยสารสาธารณะนั้น ไม่พูดถึงความลำบาก  ผู้คนหนาแน่น แย่งกันเข้าห้องน้ำ แย่งกันกินแย้งกันใช้ ต่อคิวซื้อของกินยาวเหยียด บางเที่ยวของการเดินทางกลับไปทำงาน  ไม่สามารถจองรถได้ จำเป็นต้องนั่งรถ ป2. ที่ต้องนั่งเก้าอี้เสริม (เก้าอี้งานวัด) จอดกันทุกสถานี มันช่างลำบากและไม่สะดวกสบายเป็นอย่างมาก

       ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา การท่องเที่ยวไม่ต้องพูกถึง เพราะนอกจากวันกยุดมีน้อยแล้ว เงินสำหรับเที่ยวก็ไม่มี แต่ก็มีความฝันว่า จะมีรถยนต์สักคัน เพื่อขับไปท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ภูเขา น้ำตก แต่ภายหลังจาการซื้อรถก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวตามสถานที่ที่อยากไปเลย  ซึ่งนอกจากการทำหน้าที่กับงานประจำแล้ว เงินที่ได้จากเงินเดือนก็จำเป็นต้องส่งค่างวดรถ

       เมื่อมนุษย์เงินเดือนสำหรับคนต่างจังหวัด ก็ต้องเช่าห้องอยู่อาศัย ฝันอยากมีบ้านหลังใหญ่ แต่ก็ทำได้แค่เพียงซื้อห้องชุดเล็กๆ ในขณะที่เดินในห้องต้องระวัง เพราะจะชนขอบเตียง ขอบเฟอร์นิเจอร์บ่อยมาก

     จุดเปลี่ยนชีวิต  ทำให้ทุกวันนี้ มีความฝันอยากมีอิสรภาพทางด้านการเงิน แล้วกลับไปดำเนินชีวิตตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  จึงได้อ่านหนังสือแนวคิดพัฒนาปรับปรุงตัวเองมากขึ้น อ่านหนังสือเกี่ยวกับหุ้น แต่การลงทุนจริงๆ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะยังขาดเงินในปริมาณที่มากพอและไม่ง่ายอย่างที่เราคิด

        ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ช่วยทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น จึงอยากแชร์ประสบการณ์ชีวิต เพื่อจุดประกายแนวคิด เติมความฝันและความเชื่อ แลกเปลี่ยนความรู้ให้กับผู้สนใจ จงใช้ความฝันและจินตนาเพื่อการก้าวไปสู่ความสำเร็จกันต่อไป  บทความที่น่าสนใจมีดังนี้ แนวคิดเปลี่ยนชีวิต คิดแบบคนรวย คิดแบบผู้ประสบความสำเร็จ  ตั้งเป้าหมายชีวิต  ยังมีแนวคิด ความรู้ การพัฒนาด้านต่างๆดีๆ อีกมากมายสำหรับเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต  อาจจะประกอบด้วยความสำเร็วและความล้มเหลว เพื่อทำให้เราได้สั่งสมประสบการณ์เข้าไปยังจิตใต้สำนึกในด้านดีก็ควรรับเอาเฉพาะที่เป็นด้านบวกสร้างสรรค์ ดังนั้นเพื่อให้ความสำเร็จของเรายิ่งใหญ่ขึ้นจงฝันให้ไกลและไปให้ถึง ชีวิตเรา…สร้างได้