วิธีถนอมสายตา ดูแลรักษาดวงตาอย่างไรไม่ให้เสื่อมก่อนวัย
ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจ สำหรับคนโชคดีที่มีดวงตาสวยงาม ย่อมมีเสน่ห์สามารถดึงดูดความสนใจจากคนอื่นได้ แต่สำหรับคนทั่วๆไป การมีดวงตาที่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ย่อมดีกว่าคนโชคร้ายที่สูญเสียการมองเห็น เพราะการมองเห็น สามารถทำให้เราได้สัมผัสสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นภาพศิลปะ อันเกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์เอง หรือความงดงามที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติสร้างขึ้น ประโยชน์ของการมองเห็นมีมากมายเช่น การมองเห็นสีสันของอาหาร จะยิ่งสร้างความน่ากินได้มากขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ รสชาดของอาหารเสียด้วยซ้ำ การสร้างความสุขจากการสวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่สวยงาม หรือจะเป็นการมองรูปลักษณ์ มิติ ตื้นลึกหนาบางต่างๆ ไปยังสมองและจิตใตสำนึกต่างๆ เพื่อสั่งสมประสบการณ์และเก็บไว้เป็นบทเรียนของชีวิต
ถนอมสายตา
ดวงตาของคนเราไม่ใช่สิ่งที่เป็นอมตะ เหมือนกับส่วนอื่นๆของร่างกาย เมื่อเราอายุมากขึ้นเซลล์ต่างๆทำงานได้แย่ลง เพราะการเสื่อมสภาพ ประสิทธิภาพการมองเห็นก็ลดลงเช่นกัน แต่สำหรับบางคนที่โชคร้ายอาจต้องเผชิญปัญหาดวงตาเสื่อมก่อนวัย เพราะการดูแลดวงตาไม่ดี ไม่ถนุถนอมดวง ใช้งานดวงตาหนักจนเกินไป จนทำให้ดวงตามีปัญหา สายตาเสื่อมก่อนวัย ดังนั้นควรรู้วิธีดูแลรักษาดวงตาวิธี ถนอมสายตา ไม่ให้เสื่อมก่อนวัย เพื่อทำให้หน้าต่างของหัวใจจะได้อยู่กับเราไปนานๆ และมีชีวิตอยู่บนโลกได้มีความสุข
สาเหตุที่ดวงตาเสื่อมก่อนวัย
ปกติแล้วร่างกายจะเสื่อมลง เมื่อเราแก่ ดวงตาเราก็เช่นกัน จะเสื่อมลงเมื่อเราอายุมากขึ้น จอประสาทตาซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของสายตา จะมีระยะเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้เกิดโรคสาย ตายาว สายตาสั้น เมื่ออายุมากขึ้นเซลล์ เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อระบบการทำงานของดวงตาจะเสื่อม ความใสของแก้วตาลดลง ดวงตาพล่ามัว การมองเห็นไม่สดใสเหมือนช่วงวัยหนุ่มสาวหรือวัยเด็กๆ
รูปแบบการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเปลี่ยนไป จากยุคอดีตที่การเสื่อมของระบบสายตา จะเสื่อมก็ต่อเมื่ออายุมาก ขึ้นแต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่นับว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนยุคนี้สมัยนี้ ช่วยทำให้การสื่อสารทำได้สะดวกอย่างรวดเร็ว โลกถูกย่อให้เล็กลงด้วยไอที การพูดคุยกับเพื่อนในพื้นที่ห่างไกลเช่น การเจรจากับชาวต่างชาติซึ่งอยู่คนละมุมของโลก ก็ยังสามารถทำได้อย่างแสนง่ายดาย แต่ด้วยความก้าวหน้าทางด้านไอทีและการสื่อสาร จนกลายเป็นต้นเหตุของการใช้สายตามากเกินพอดี คนสมัยนี้ใช้สายตาเพ่งมองแหล่งที่มีแสงดวงตาเป็นเวลานานๆ เช่น การจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ ทีวี โทรศัพท์ หรือจะเป็นปัญหานี้เกิดขึ้นกับเด็กๆในปัจจุบันคือ เด็กติดเกมส์จ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ดวงตาเสื่อมก่อนวัย
การใช้สายตามากๆไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กๆเท่านั้น เมื่อยุคนี้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้กลายเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ที่หกไปโดยอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์ประจำกายที่ขาดไม่ได้ เพราะโทรศัพท์สามารถทำสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวันได้ง่ายและสะดวกเช่น การทำธุรกิจ การทำโฆษณา การสร้างแอพพิเคชั่น เพื่อความสะดวกสบายให้กับลูกค้า เช่นธนาคารให้บริการลูกค้าโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่เค้าเตอร์ธนาคาร
หรือจะเป็นการเปิดโลกของตัวเองเป็นคนในสังคมออนไลน์ จำนวนคนติดเฟซบุ๊กและติด YouTube มากขึ้น ฯลฯ ผู้คนจึงจ้องจอโทรศัพท์มากยิ่งขึ้น ซึ่งในหน้าจอของโทรศัพท์จะมีแสงสีฟ้า ที่มีความเข้มของแสงและความสว่างมากๆ จึงกลายเป็นสาเหตุของปัญหา ดวงตาของคนเสื่อมก่อนวัยอันควร
ผลกระทบทางอ้อม ยังมีผลกรรมของมนุษย์ที่ประดิษฐ์อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตเช่น รถยนต์ ที่ปล่อยไอเสีย การตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสินค้าให้มีปริมาณมากๆ เพื่อขายสินค้าให้กับผู้คน ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การสร้างสิ่งต่างๆ ที่มีประโยชน์เหล่านี้ จึงทำให้เกิดผลกระทบแอบแฝงที่ไม่ได้ปรากฎในระยะสั้นเช่น โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ปล่อยควันเขม่า สารพิษต่างๆ ขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้แสงแดดจากดวงอาทิตย์ส่องมายังโลกได้มากยิ่งขึ้น เมื่อแสงแดดจ้าขึ้น มีรังสี UV มากขึ้น จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้สายตาของคนเราเสื่อมลงเร็วขึ้น
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ ที่น่าเป็นห่วงคือ อาหารที่เราบริโภค ในปัจจุบัน พบว่าการผลิตอาหารไม่มีคุณภาพ เพราะการใช้สารเคมีเช่น การปลูกพืชผักที่ใช้สารเคมี และสารเคมีเหล่านั้นจะไปทำลายวิตามินต่างๆ ที่ส่งผลดีต่อสายตาเช่น วิตตามิน A แทนที่เราจะได้รับสารอาหารบำรุงสายตากลับได้รับสารเคมี การขาดอาหารบำรุงสายตาจะทำให้ระบบประสาทตาไม่แข็งแรง จึงกลายเป็นสาเหตุทำให้สายตาเสื่อมได้เร็วขึ้นเช่นกัน
หากพบว่าเกิดปัญหาสายตาเกิดขึ้นกับตัวเอง อย่าปล่อยเอาไว้นาน ให้รีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะช่วยทำให้การรักษา ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เพราะถึงแม้ว่าความเจริญก้าวหน้า ทางด้านวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ จะสามารถชดเชยหรือสามารถรักษาโรคทางสายตาบางอย่างให้ขาดได้เช่น การทำเลเซอร์ เพื่อรักษาสายตาสั้น โดยไม่ต้องสวมแว่นตาอีกต่อไป แต่เราต้องเสียเงิน เสียเวลา และก็ใช่ว่ามัน จะทำให้ดวงตาของเรากลับมาสมบูรณ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้วิธีป้องกัน ถนอมสายตา ไม่ให้สายตาเสื่อมก่อนวัยอันควร มีดังนี้
8 วิธี ถนอมสายตา และเคล็ดลับการดูแลรักษาดวงตา ไม่ให้เสื่อมก่อนวัย
1. อย่าจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือจอสมาร์ทโฟนมากจนเกินไป ควรมีการพักสายตาบ้าง ด้วยการกระพริบตา หรือการมองไปที่อื่น ประมาณ 20 นาที ให้พักสายตาหนึ่งครั้ง หรือหากรู้สึกปวดเมื่อย บริเวณสายตาควรลุกไปที่อื่น สัก 5-10 นาทีแล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ เพื่อลดความเมื่อยล้าของจอประสาทตาและกล้ามเนื้อของดวงตา สามารถป้องกันการปรับและเปลี่ยนระยะของจอประสาทตาใหม่ได้
-
ควรปรับความสว่าง ความเข้มแสงของจอโทรศัพท์มือถือ จอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์หรือจออุปกรณ์ควบคุมต่างๆ ที่เราใช้งานอยู่ให้เหมาะสม อย่าให้มีแสงสว่างน้อยหรือจ้ามากจนเกินไป และนอกจากนี้ควรมี การปรับระดับความเข้มแสง บริเวณโดยรอบจอหรือแสงสว่างภายในห้อง ให้เท่าหรือใกล้เคียงกับความเข้มสว่างของหน้าจอ เพื่อสร้างความสมดุลของแสงสว่าง หากเราทำงานอยู่ใกล้หน้าต่าง ที่มีแสงจากภายนอกมากเกินไป ก็ควรหา ม่านหรือมูลี่มาปิดกั้นแสงแดด
-
หากมีการใช้สมาธิเพ่งหน้าจอนานๆ จะส่งผลต่ออัตรา การกระพริบตาของคนเรา ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติร่างกายของคนเราเพื่อ สร้างความสมดุลน้ำเลี้ยงดวงตา ปกติเราจะกระพริบตา 20-22 ครั้งต่อนาที ลดลงเหลือเพียง 6-8 ครั้งต่อนาทีโดยประมาณ จึงทำให้ดวงตาแห้ง น้ำหล่อเลี้ยงตาลดลง ดังนั้นควรกระพริบตาให้บ่อยขึ้น หากรู้สึกว่า น้ำตาแห้งควรใช้น้ำตาเทียม เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
-
การบริหารกล้ามเนื้อเบ้าตา ด้วยการกลอกลูกตาเป็นวงกลม ให้กลอกลูกตาตามเข็มนาฬิกา 1-2 รอบ แล้วก็กลอกลูกตาให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา1-2 รอบ ทำซ้ำสักวันละ 4-5 รอบ จะสามารถช่วยให้เซลล์ กล้ามเนื้อเบ้าตาแข็งแรงขึ้น
-
การกินอาหารบำรุงสายตา ควรกินอาหารให้ได้ สารอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารจำพวกวิตามินเอสูง และอาหารที่ทาน ควรมีสารอาหารลูทีน ( Lutein ) ซีแซนทีน ( Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ ที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด จึงควรรับประทานผักผลไม้ให้ได้ครบ 7 สี เพื่อช่วยบำรุงสายตา โดยส่วนใหญ่ผลไม้ที่บำรุงสายตาจะเป็น จำพวกตระกูลเบอร์รี่ และนอกจากนี้ผลงานวิจัย พบว่าควรกินกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวเรียกว่า โอเมก้า สามารถช่วยบำรุงสายตาให้มีสุขภาพดี ได้อีกวิธีหนึ่ง โดยส่วนใหญ่โอเมก้า 3 พบได้ในอาหารทะเลจำพวกปลา และโดยเฉพาะปลาที่อยู่ในทะเลน้ำลึก จะเป็นกรดไขมันที่มีคุณภาพดี เช่นปลาแซลมอล หรือปลาทู แต่จากผลการวิจัยในปัจจุบันยังพบว่าเนื้อปลา ที่มีสีขาวนุ่มของปลาน้ำจืดก็มีโอเมก้า 3 ด้วยเช่นกัน
-
การบำรุงรอบดวงตาให้ชุ่มชื่น ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เราสามารถหั่นแตงกวาเป็นชิ้นบางๆ นอนหงายแล้ว นำแผ่นแตงกวามาปิดให้รอบดวงตา จะช่วยทำให้ดวงตามีชีวิตชีวาเพิ่มมากยิ่งขึ้น
-
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อดวงตาเราได้รับบาดเจ็บ จากการใช้งานในช่วงเวลากลางวัน หรือมีอุบัติเหตุบางอย่างเล็กๆน้อยๆ เกิดขึ้นกับดวงตาเช่นแมลงเข้าตา ทำให้เราต้องขยี้ตา ตาแดง การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอและนอนหลับแบบสนิท จะทำให้ระบบการซ่อมแซมของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะโกรทฮอร์โมน จะถูกหลั่งออกมามากในช่วงเวลาที่เราหลับสนิท แล้วไปซ่อมแซมเชลล์ดวงตาให้กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง
-
ควรหลีกเลี่ยงแสงที่จ้ามากๆ เช่นการเชื่อมเหล็ก แสงสว่างของไฟจากเตาหลอมต่างๆ ให้หลีกเลี่ยงการมองแสงอาทิตย์โดยตรง หากต้องการชื่นชมความสวยงามของดวงอาทิตย์ ควรหาแว่นที่สามารถป้องกันแสงพระอาทิตย์ได้ และหากต้องการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในช่วงเวลาที่มีปริมาณแสงแดดจ้า ควรหาแว่นตาที่สามารถป้องกัน UVA และ UVB มาสวมเพื่อป้องกันรังสี
-
เมื่อมีฝุ่นละออง หรือเศษผงเข้าตา ควรใช้น้ำสะอาดหรือควรล้างตาด้วยน้ำยาล้างตา ห้ามใช้มือขยี้ตา เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบของดวงตา
-
ควรระวังการใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากเป็นไปได้ไม่ควรใช้ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดแว่นตา ร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคทางสายตาได้
-
เป็นไปได้ควรเข้ารับ การตรวจสุขภาพดวงตาจากจักษุแพทย์ เป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินสุขภาพของเรา และจะได้รับการแนะนำที่ถูกต้องในการรักษาเมื่อ สุขภาพตาผิดปกติ
