วัฒนธรรมพื้นบ้าน กำลังจะหายไป

วัฒนธรรมพื้นบ้าน เป็นกิจกรรมที่ดีงาม เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่คนในท้องถิ่นถือปฏิบัติต่อกันเป็นทอดๆ

ปีนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือน เด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง มีโอกาสที่จะได้กลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์  ถึงแม้ว่าช่วงเทศกาล การกลับบ้านช่วงนี้มันจะเป็นเรื่องลำบากสักนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นจำนวนรถเยะ รถติด ปั๊มน้ำมันจะคับคั่งไปด้วยผู้คน ต้องแย่งกันเข้าห้องน้ำ ต้องต่อคิวซื้อของกินและเครื่องดื่มในร้านสะดวกซื้อ  และสิ่งที่ฮิต  ขาดไม่ได้นั่นก็คือ ร้านกาแฟชื่อดังที่ต้องรอต่อคิวนานมาก

  แต่อุปสรรคนี้ยังน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับความมุ่งมั่นหรือสิ่งที่มุ่งหวังที่จะได้กลับบ้าน นั้นคือการกลับบ้านเกิด ที่ได้ไปอยู่ต่างถิ่นในระยะเวลาหลายๆเดือน เพราะการกลับบ้านช่วงสงกรานต์ มักจะได้กลับไปเห็นครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้า  ได้เข้าร่วมกิจกรรม วัฒนธรรมพื้นบ้าน ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีวันหยุดเทศกาลต่างๆในหนึ่งปีเช่น เทศกาลเข้าพรรษา เทศกาลขึ้นปีใหม่สากล  สำหรับเทศกาลสงกรานต์ในเขต อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก  จะมีประเพณีพื้นบ้านหลายๆอย่าง  ที่ยังคงสืบสานวํฒนธรรมจากรุ่นก่อนสู่คนรุ่นหลังดังนี้ 

ก่อนวันสงกรานต์มักจะมีการเตรียมความพร้อม การเตรียมวัตถุดิบต่างๆ  เพื่อเอาไว้กินในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งประกอบด้วยวัตถุดิบจำพวกเนื้อสัตว์  มักจะมีการฆ่าสัตว์เพื่อแปรรูปอาหารกันก่อนวันสงกรานต์  หรือแม้แต่ผักต่างๆก็จะต้องเก็บ เตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย มีการทำขนมต่างๆ เอาไว้ล่วงหน้าเช่น ขนมจีนทำมือ ข้าวปิ้งกรอบ  เพราะคนเฒ่าคนแก่ พูดกันต่อๆว่า  ในช่วงวันสงกรานต์นั้น  จะต้องไม่ทำอะไรที่เบียดเบียนสัตว์ พืชผักและสิ่งมีชีวิตต่างๆ เป็นวันหยุดของการทำมาหากิน ชึ่งช่วงก่อนวันสงกรานต์ของไทยเรานั้นจะมีธรรมเนียมคล้ายๆ กับวัฒนธรรมปีใหม่ของจีน นั่นคือวันจ่ายของจีนนั่นเอง

เทศกาลวันสงกรานต์ของชาติตระการประกอบด้วยวันสำคัญๆต่างๆ 3 วันด้วยกัน 

วันที่1หรือวันแรกของเทศกาลสงกรานต์เป็นวันที่สนุกสนาน เป็นวันเที่ยว วันกิน หรือวันสังสรรค์ ในวัฒนธรรมของไทยพื้นบ้าน สำหรับผู้คนที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ก็มักจะไปทำบุญใส่บาตร  ตามวัดต่างๆ

วัดต่างๆก็อัญเชิญองค์พระพุทธรูป จากศาลาลงมาประดิษฐานไว้ในที่สรงน้ำพระ   เพื่อให้ประชาชนทั่วได้สักการะ โดยสถานที่สรงน้ำพระนั้น จะทำเป็นรางน้ำสำหรับเทน้ำใส่ แล้วปล่อยให้น้ำนั้นไหลลงไปอาบที่ตัวขององค์พระ  

วัฒนธรรมพื้นบ้าน
วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวบ้านช่วยกันทำต้นดออกไม้

และในช่วงเย็นก็จะเป็นกิจกรรมทางสังคม โดยผู้คนภายในชุมชนในหมู่บ้าน ได้มีโอกาสพบปะพูดคุย  มีกิจกรรมทำร่วมกันนั่นก็คือ การทำต้นปราสาทดอกไม้ (ต้นดอกไม้)  โดยปราสาทดอกไม้ จะมีโครงสร้างทำจากไม้ไผ่ มาก่อรูปร่างเป็นรูปเจดีย์มี 1 ยอดแล้วนำดอกไม้สดมาตกแต่งให้สวยงาม

 ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ใช้สำหรับการประดับต้นดอกไม้ให้สวยงามนั้น ก็สามารถไปเก็บได้ตามป่าชุมชนหรือตามบ้านเรือน เมื่อทำต้นดอกไม้แล้วเสร็จ ในช่วงเวลาพรบค่ำ ชาวบ้านก็จะร่วมตัวกัน เพื่อทำการแห่ต้นปราสาทดอกไม้ (แห่ต้นดอกไม้) จากภายในหมู่บ้านไปยังวัด และเมื่อถึงวัดก็จะแห่รอบวิหารหรือศาลาวัด โดยเวียนขวา 3 รอบคล้ายๆกับการเวียนเทียน และในระหว่างการแห่ต้นปราสาทดอกไม้นั้นก็ ก็จะมีการเคาะเกราะไม้เป็นจังหวะ พร้อมๆกับการเต้นรำวงกันไปตลอดเส้นทาง   ซึ่งในปัจจุบันจะมีการเปิดเพลงให้จังหวะ สร้างความสนุกสนานครื้นเครง

วัฒนธรรมพื้นบ้าน
วัฒนธรรมพื้นบ้านภาพ แห่ต้นดอกไม้

วันที่ 2 ของเทศกาลสงกรานต์เป็นวัน ที่ผู้คนในชุมชนจะพากันแห่ผ้าป่าไปตามบ้านต่างๆ ให้ครบเกือบทุกหลังคาเลยก็ว่าได้  ซึ่งคำศัพท์ของผ้าป่านี้เรียกว่า การแห่กันหลอน  เมื่อขบวนต้นผ้าป่าผ่านไปบ้านของใคร  บ้านของคนนั้นก็จะนำขนม ข้าวปลาอาหารออกมาเลี้ยงต้อนรับ  ซึ่งจะมีการเล่นน้ำสงกรานต์ เต้นรำ สร้างความสนุกสนาน  ได้เป็นอย่างดี

หลังจากกินเล่นเสร็จจากบ้านจากนี้ก็ไปบ้านนั้น ไปเรื่อยๆ  จนตกถึงเวลาช่วงเย็นๆ ต้นผ้าป่าหรือต้นกันหลอนก็จะถูกแห่ไปที่วัด เพื่อไปทำการถวายผ้าป่าให้กับพระ  ผ้าป่านี้จัดทำขึ้นเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนา สำหรับเงินที่ได้ก็มักจะถูกเก็บไว้ซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างภายในวัด หลังจากการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา 

วัฒนธรรมพื้นบ้าน
วัฒนธรรมพื้นบ้านภาพสาวรำวง

ในปีนี้หมู่บ้านของเรา ยังมีการจัดกิจกรรม เพื่อหารายได้เข้าวัด  โดยมีกิจกรรมที่ทำให้ชาวบ้านได้ร่วมสนุกอาทิเช่น หนูนาพาโชค กิจกรรมปาลูกโป่ง  ปีนี้เป็นปีพิเศษซึ่งมีกิจกรรมรำวงย้อนยุค โดยปีนี้ผู้นำได้นำแม่บ้านที่มีอายุมากหน่อย มาเป็นสาวรำวง ซึ่งปีก่อนๆเคยนำแม่บ้านที่ยังสาวๆรวมทั้งนำเด็กวัยรุ่น มาเป็นอาสาสมัครสาวรำวง แล้วพบปัญหา มีการหึงหวงและเกิดการทะเลาะกัน เกิดขึ้น

วันที่ 3 เป็นวันแห่งครอบครัว  วันนี้เป็นของคนในครอบครัว โดยส่วนใหญ่อยู่พร้อมหน้ากัน โดยที่ลูกๆจะนำน้ำไปใส่น้ำหอม โดยใช้ต้นว่านหอมหรือปรุงหอม มาทำเป็นน้ำมนต์พร้อมกับการทำขัน 5 เพื่อขอขมาลาโทษสิ่งที่บกพร่องระหว่างปี การพูดจา การกระทำที่ไม่ดีต่อกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน

โดยลูกๆจะเป็นฝ่ายขอขมาพ่อแม่ หลังจากนั้นก็จะอาบน้ำให้พ่อแม่  พ่อแม่ก็จะให้พรลูกๆ พร้อมกับผูกข้อมือให้ลูก   วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย เป็นวันเปลี่ยนศักราชใหม่และในปีนี้ ที่บ้านของผมเองได้จัดทำผ้าป่าและได้ทำบุญบ้านไปพร้อมๆกัน  ด้วยการนิมนต์พระมาสวดมนต์ที่บ้าน แล้วถวายสังฆทาน ถวายผ้าป่า กรวดน้ำให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว

วัฒนธรรมพื้นบ้าน
ทำบุญบ้าน

ทีเด็ดวันหลังสงกรานต์ นับได้ว่าเป็นวันเอาฤกษ์เอาชัย เป็นวันที่ผมรู้สึกดี  เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีการทำพิธีสู่ขวัญ ผูกข้อมือ  โดยผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน จะมาผูกข้อมือพร้อมกับอวยพรสิ่งดีๆ ให้แก่ผม และในวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มีการแห่ต้นปราสาทดอกไม้ (แห่ต้นดอกไม้) เป็นวันสุดท้าย

ในวันที่ 3 นี้ นอกจากจะมีการทำต้นปราสาทผึ้งเพิ่มขึ้นอีก 1 ต้น   โดยต้นประสาทผึ้งนั้น  จะทำขึ้นจากการนำแม่พิมพ์ไปชุบกับขี้ผึ้งที่ต้มในน้ำร้อนๆ แล้วนำไปชุบในน้ำเย็น หลังจากนั้นก็แกะดอกผึ่งออกไปตกแต่งตามโครงสร้างของต้นประสาทผึ้งที่ทำไว้ ซึ่งเป็นโครงสร้างคล้ายๆกับต้นปราสาทต้นดอกไม้ 

หลังจากนั้นก็แห่ไปที่วัด  ในวันเดียวกันนี้เอง ยังมีการทำธงชัยของหมู่บ้าน  โดยธงชัยนั้นจะทำจากด้าย 7 สี ไปถักกับไม้รูปกากบาก คล้ายกับไม้กังเขน แต่ระยะของปลายไม้นั้นจะเท่ากันทุกๆด้าน หลังจากนั้นจะนำละชิ้นไปผูกโยงต่อกันหลายๆอัน  เริ่มจากอันใหญ่ลงไปหาเล็ก  

แล้วนำธงชัยดังกล่าวไปผูกไว้กับเสาไม้ไผ่ หลังจากนั้นจึงนำเสาธงไปปักไว้ด้านหน้าหมู่บ้านและท้ายหมู่บ้าน  เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยดีๆให้เข้าสู่หมู่บ้าน

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงเพราะในสมัยนี้ผู้คน หนุ่มสาวมักจะเดินทางไปทำงานตามเมืองหลวงหรือจังหวัดที่มีอุตสาหกรรม กันจนหมด  แล้วคนยุคก่อนหน้าจากไป   อาจจะทำให้ประเพณีเหล่านี้ค่อยๆลบเลือนหายไป แล้ววัฒนธรรมที่ดีงามเหล่านี้ ที่ทำให้คนในหมู่บ้านในชุมชนได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เกิดเป็นความรัก ความสามัคคีกลมเกลียวกัน  ก็จะสูญหายไปด้วยหรือไม่

การขาดคนรุ่นหลังสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามเหล่านี้ จะทำให้วัฒนธรรมของคนพื้นถิ่นหายไปแล้วมีวัฒนธรรรมท้องที่อื่นหรือวัฒธรรมเมืองเข้าไปแทนที่ ความเป็นเผ่าพันธ์ุหรือ วัฒนธรรมพื้นบ้าน ก็จะหายไป กลายเป็นต่างคนต่างอยู่ แม้แต่บ้านที่อยู่ติดกันก็ไม่รู้จักกัน ขาดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นสังคมแห่งการแก่งแย่ง จนในที่สุดก็จะทำให้ชุมชนนั้นๆไม่น่าอยู่อีกต่อไป

บทความที่น่าสนใจ ทำบุญด้วยอะไร ถึงได้บุญมากและมีอานิสงส์สูง 

ของเล่นภูมิปัญญาไทย ของเล่นไทยพื้นบ้าน ของเล่นโบราณ ทําเอง

ชมคลิป https://www.youtube.com/watch?v=Xq_k0nWQPAc

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *