เปลี่ยนแปลงตัวเอง ใหม่ให้กลายเป็นคนมีเสน่ห์ น่าชื่นชม คนอื่นทำได้ เราทำได้….

             การเปลี่ยนแปลงคือ การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม แต่ในที่นี้เราจะหมายถึงการเปลี่ยนในทิศทางบวก  ในสภาวะปกติการดำเนินชีวิตของคนเรา จะยอมรับสิ่งคุ้นเคยได้เร็วกว่าสิ่งที่แปลกใหม่ เช่นเดียวกับการ เปลี่ยนแปลงตัวเอง คนเรามักจะคุ้นชินกับดินแดนแห่งความปลอดภัย ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า SAVE ZONE  นั้นก็คือเหตุผล  ที่ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะกลัวการเปลี่ยนแปลง ก็เพราะพวกเรามักจะทำนายว่าสิ่งที่ฝันไว้หลังการเปลี่ยนแปลงมันจะส่งผลร้าย ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ หรือไม่ก็ เกรงว่าตนเองต้องมีภาระหน้าที่มากขึ้น ต้องทำงานมากขึ้น จึงทำให้หลายๆคนวิ่งอยู่กับที่ เพราะมันไม่มีหลุม ไม่มีก้อนหิน ขวากหนามจากโลกภายนอก จึงใช้ชีวิตอยู่ในสภาวะย่ำอยู่กับที่ ทั้งๆที่สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนไป

เปลี่ยนแปลงตัวเอง

เปลี่ยนแปลงตัวเอง

          แต่ทุกๆชีวิตย่อมต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน เพราะสถานการณ์ต่างๆ  บนโลกใบนี้มักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ความรู้ความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น คนที่หยุดนิ่ง โดยที่ไม่พัฒนาตัวเองให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่คนอื่นก้าวไปข้างหน้า ก็จะกลายเป็นคนที่ล้าหลัง การดำรงชีวิตที่เหลืออยู่ ก็คงทำได้เพียงแค่ ให้ผ่านพ้นไปวันๆ 

           เปลี่ยนแปลงตัวเอง หมายถึง การพัฒนาความสามารถ ความคิดและทรรศนคติ กล้าลองผิดลองถูกด้วยเหตุผล ด้วยข้อมูล ปลดปล่อยศักยภาพ เพิ่มความคิดวิเคราะห์แยกแยะหากมันไม่ใช่ ก็สร้างสรรค์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ค้นคว้าศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ปรึกษาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ มีแผนมีระบบมีขั้นตอน ก็จะช่วยทำให้เรากลายเป็นคนมีค่ามากยิ่งขึ้น และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข  หากอยากเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงสักอย่าง ตัวคุณเองนั้นแหละ คือคนที่จะต้องเปลี่ยน

ทางเลือกของการเปลี่ยนแปลง

รูปแบบของการ เปลี่ยนแปลงตัวเอง มี 2 ลักษณะด้วยกันคือ

            1.เปลี่ยนเพราะสภาพแวดล้อมบีบบังคับและจำเป็นต้อง เปลี่ยนแปลงตัวเอง  เพราะเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น แล้วส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตเช่น  เมกะเทรนด์ คือ แนวโน้มความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ส่งผลให้การดำรงชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป เช่น ในยุคนี้ใคร ไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่มีแอฟไลน์ Line ก็นับได้ว่าเป็นคนที่ล้าหลังในด้านไอที หรือแม้แต่ภาวะจากการบีบบังคับของร่างกายของตนเองเช่น คนป่วยแย่ถึงขั้นวิกฤต แล้วสามารถหลุดพ้นจากความจะเป็นจะตายได้ ”  คนที่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นมะเร็งตับ จึง เปลี่ยนแปลงตัวเอง หยุดดื่มเหล้า เลิกสูบบุหรี่ เพราะปอดติดเชื้อแล้ว ” เป็นต้น

           2. เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะมีความรู้และเข้าใจในสิ่งนั้นเป็นอย่างดี  ใครที่มีความรู้จนตกผลึก สามารถต่อยอดความรู้ความเข้าใจ เป็นอย่างดี จนสามารถอธิบายเนื้อหาสาระได้อย่างแตกฉาน แล้วจึงเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างได้เช่น ในอตีดรู้ว่าการกินผลไม้มากๆ ดี ไม่อ้วน แต่ภายหลังจากการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ทำให้รู้ว่า การกินผลไม้ที่มีรสหวานหรือผลไม้ที่ให้พลังงานสูงมากๆ อย่างเช่น กินทุเรียน เงาะ ผลไม้ที่หวานมากๆ ก็อ้วนเป็นโรคอ้วน เป็นเบาหวานได้เช่นกัน  

         สมมุติจะให้เราเลือกรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราทุกๆคนก็คงเลือกรูปแบบที่ 2 กันใช่ไหมละครับ  การเรียนรู้เทคนิควิธีคิด ต่างๆ แล้วนำมาใช้เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง เป็นการปรับตัวจากการเค้นความสามารถ จนดึงศักยภาพและการนับถือตัวเอง เพื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาสร้างคุณค่าและนำพลังจิตจักรวาลจากจิตใต้สำนึก  มาสร้างขวัญกำลังใขเพื่อไปกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจตัวเอง ให้ฝ่าฟันปัหาอุปสรรคเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายของชีวิตได้

         การเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่ที่ตัวเอง “ถ้าคุณคิดได้ คุณทำได้ และถ้าคนอื่นทำได้ คุณทำได้” การเปลี่ยนแปลงตัวเอง ต้องขยัน เหมือนกับการต่อจิกซอประสบการณ์ชีวิต ” วิธีของการเปลี่ยนแปลงที่ดีคือ การสะสมสิ่งดีๆความคิดดี ใช้ภาพผลลัพธ์ของความสำเร็จมาเป็นพลังใจ จะช่วยทำให้เราเปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่รู้คุณค่าตัวเองมากยิ่งขึ้น 

สมการแห่งการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

เปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้กลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ น่าชื่นชม คนอื่นทำได้ เราทำได้….

         ความคิด ความเชื่อทรรศนคติคือ จุดเริ่มต้นแห่งการกระทำ ผลลัพธ์การกระทำ จะทำให้เราได้รับในสิ่งที่คาดหวัง เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน การพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง มีดังนี้

เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นการตัดสินใจ

       1. ตัดสินใจ ใช้วิธีตั้งคำถามค้นหาคำตอบ เพื่อค้นหาความต้องการอันแท้จริงของชีวิตเช่น อยากมีชีวิตที่ดีทำอย่างไร อยากปลดหนี้ต้องทำอย่างไร อยากออกจากงานประจำต้องทำอย่างไร เป็นการตั้งคำถาม เพื่อค้นหาเป้าหมายอันทรงพลัง เพื่อปลดล็อคตัวเอง เพื่อออกจาก Safe Zone เพื่อการก้าวข้ามเส้นกั้นความสำเร็จนั้นคือ ความไม่กล้า ความกังวลและความกลัวต่างๆนาๆ  เทคนิคคือการตัดสินใจและการตั้งเป้าหมาย 

เปลี่ยนแปลงตัวเองคือการเรียนรู้

       2. เคล็ดลับอย่างหนึ่งคือการ “เรียนรู้ การเรียนรู้จากคนสำเร็จ” จงใช้ความพยายาม เพื่อเข้าใกล้คนที่ประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด หากเป็นไปได้ ควรนำตนเองเข้าไปอยู่ในบ้านคนรวยที่ประสบความสำเร็จเลยได้ยิ่งดี เพื่อไปศึกษาว่า คนรวยเขาคุยเรื่องอะไรกัน คิดแบบไหน ทำอะไร (การคบหาบัณฑิตจะทำให้เราพบเจอแต่สิ่งที่ดี )

       การอยู่ใกล้คนมีแนวคิดดี ความเชื่อและพลังแห่งความคิด การศรัทธาในสิ่งดี สามารถถ่ายทอดถึงกันและกันได้ ความสำเร็จก็เช่นเดียวกันสามารถเรียนรู้และทำซ้ำได้ ซึ่งมีช่องทางการรียนรู้จากคนสำเร็จมากมายเช่น การอ่านหนังสือชีวประวัติ ท่องโลกอินเทอร์เน็ต  การฝึกอบรมเข้าร่วมสัมมนา หรืออ่านข้อความที่มีคนแชร์ประสบการณ์ต่างๆ ในกระทู้สังคมออนไลน์ การเลียนแบบสามารถย่นระยะเวลาแห่งความสำเร็จได้

เปลี่ยนแปลงตัวเองคือการเรียนรู้ทางการเงิน

       3. อ่านหนังสือความรู้ทางการเงิน  ความรู้ที่คนประสบความสำเร็จ โดยส่วนใหญ่ จำเป็นมีสิ่งที่ต้องรู้คือ ความฉลาดทางการเงิน  เพราะพวกเขารู้ดีว่าอำนาจเงิน จะสร้างความสำเร็จด้านอื่นๆได้ง่ายขึ้น  ซึ่งพวกเขามักให้ความสำคัญกับวิธีการหาเงินมากกว่ามูลค่าของเงิน    

        อย่ามองความรู้การเงินการลงทุนเป็นเรื่องยาก เพราะมันสำคัญต่อชีวิตเรา อำนาจเงินคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น  การลงทุนอีกอย่างที่เหนือกว่าอำนาจเงินนั้นคือ การลงทุนด้านความรู้ให้กับตัวเอง ซึ่งสามารถอ่านได้จาก หนังสือประสบการณ์และเทคนิคแนวคิดจากผู้ประสบความสำเร็จทางการเงินด้านต่างๆ หรืออาจจะเป็นการเข้าฟังสัมมนา การพบปะพูดคุยสัมภาษณ์คนประสบความสำเร็จ แล้วนำวิธีหาเงินไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม กับวิถีชีวิตของตนเอง

เปลี่ยนแปลงตัวเองคือการคิดเชิงบวก

       4. ใช้คำถามเชิงบวก การค้นหาคำตอบของคำถามจากคนที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ แล้วนำมาปรับใช้กับวิธีเปลี่ยนแปลงการดำรงชีวิตของตนเอง เช่น คุณอยู่รอดได้อย่างไร ทำอย่างไรพวกคุณถึงประสบความสำเร็จได้จนถึงปัจจุบันนี้  แทนคำว่า พวกคุณทำกันอย่างไร  เพื่อทำให้เรารู้และได้แนวคิดจากคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะความรู้ที่ได้จะได้จากประสบการณ์ของพวกเขา ที่ได้เรียนรู้จากชีวิตจริง และได้รู้ว่าพวกเขานำกลยุทธ์อย่างไร สำหรับแก้ไขและการฝ่าฟันปัญหาอุปสรรค หรือแม้แต่การเรียนรู้เทคนิคทางความคิด สำหรับการเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ พวกเขามักมีเทคนิคในการสร้างขวัญกำลังใจ

เปลี่ยนแปลงตัวเอง

        5. การก้าวข้ามปัญหาอุปสรรค การลงมือทำงาน มักจะมีอุปสรรคปัญหาเกิดขึ้นเสมอ กราฟชีวิตของคนเราก็มักมีขึ้น-ลง เพราะไม่มีชีวิตใครที่สามารถยืนอยู่ในเส้นกราฟขาขึ้นได้ตลอดเวลา แต่จะทำอย่างไรเมื่อบางช่วงของชีวิตตกลงมาอยู่ที่จุดต่ำสุดของเส้นกราฟ  ดังนั้นการสร้างพลังใจจึงถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งสิ่งที่เป็นบวก ประสบความสำเร็จหรือแม้แต่ความล้มเหลวบางอย่างได้ การปล่อยทิ้งความล้มเหลวแทนที่ด้วยวิธีการคิดบวกเชิงสร้างสรรค์ 

         เทคนิคที่สำคัญคือการป้อนสิ่งดีๆ และมอบพลังเชิงบวกให้กับจิตใต้สำนึก เพื่อเตรียมตัวรับมือกับความพ่ายแพ้บางอย่าง เพราะไม่มีใครลงมือทำงานแล้วประสบความสำเร็จได้ทุกเรื่อง แต่เมื่อล้มเหลว อย่ามัวแต่ท้อแท้สิ้นหวัง ควรค้นหาโอกาสและเรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลว  แล้วนำประสบการณ์ที่ได้ มาปรับใช้กับการแก้ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตให้เร็ว “ถ้าคุณล้มเหลวแต่ไม่ล้มเลิก แล้วลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว คุณจะกลายเป็นผู้ชนะ”

เปลี่ยนแปลงตัวเอง

        6. ความลับอย่างหนึ่งของคนประสบความสำเร็จคือ กล้าคิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก การตัดสินใจแบบคิดการใหญ่ จะมอบพลังแห่งความมุ่งมั่นและความเชื่อในตนเองได้มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่า การคิดใหญ่บางครั้งมันไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม แต่มันก็ยังสร้างโอกาสทำให้เราได้เรียนรู้หนทางแห่งความสำเร็จ เพราะการเรียนรู้จากความล้มเหลว จะสามารถนำเทคนิคต่างๆไปประยุกต์ใช้และมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ในครั้งถัดไป

เปลี่ยนแปลงตัวเอง

        7. คิดสร้างสรรค์ ” การสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้คิดเสมอว่า ต้องลงมือทำให้ดีที่สุด การสร้างผลงานชิ้นเอกชนิดที่ยังไม่มีคนใดบนโลกนี้สามรถทำได้เท่าคุณ” แล้วพลังแห่งความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเองจะเกิดขึ้น คุณจะมีความละเอียดรอบครอบมากยิ่งขึ้น การทำงานด้วยความตั้งใจ แล้วผลลัพธ์ก็คือคุณภาพของผลงานที่ดี  เทคนิคการคิดสร้างสรรค์ต้องคิดนอกกรอบ การค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในบางครั้งต้องเรียนรู้วิธีการปฏิเสธบ้าง เพราะการลงมือทำแบบเดิมๆ สิ่งที่เราคุ้นชินจะทำให้เราไม่มีพลัง

          การสร้างสรรค์ทำให้เรียบง่าย ไม่ต้องซับซ้อนอะไร คิดสร้างสรรค์อาจจะใช้เทคนิคการตั้งคำถามเช่น  ทำอย่างไร จะดีกว่าคำว่า ทำอะไร ปกติคนเราจะรู้ว่าอยากได้อะไร แต่มักจะไม่รู้วิธีลงมือทำอย่างไร ถึงจะประสบความสำเร็จได้ 

 

เปลี่ยนแปลงตัวเอง

         8. สร้างพันธสัญญา การผูกเป้าหมายชีวิตไว้กับสิ่งที่สำคัญๆ จะสร้างพลังใจในการต่อสู้กับปัญหาได้เช่น การตั้งเป้าหมายผู้กับคนรักหรือผู้มีพระคุณ พ่อ แม่ ซึ่งวิธีการผูกเป้าหมายเป็นการสร้างพันธสัญญาอย่างหนึ่ง จะช่วยให้มีความมานะบากบั่น พากเพียร จึงช่วยทำให้เราสามารถทำสิ่งต่างได้ดีขึ้น และสามารถกระตุ้นตนเองให้ก้าวสู่เป้าหมายให้เร็วขึ้น

เปลี่ยนแปลงตัวเอง

       9. สร้างความเชื่อมั่นและการนับถือตนเอง ความเชื่อมั่นในตนทั้งทางด้านความรู้ ความสามารถและทักษะ จะทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น วิธีการคือ สื่อสารด้วยการพูดกับตัวเองให้มากขึ้น  คนอื่นทำได้ เราต้องทำได้ ใช้การจินตนาผลลัพธ์ที่เราต้องได้รับหลังจากการลงมือทำจนแล้วเสร็จ เพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจ

            การจินตนาการแทนที่คนประสบความสำเร็จเช่น ใช้ภาพของเราไปติดแทนคนที่ยืนอยู่บนแท่นของคนสำเร็จคนนั้น แล้วเชื่อและปฏบัติตนให้เหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จคนนั้น ซึ่งเรียกพลังนั้นว่า “Magic Moment”  แล้วจะไม่มีอะไรมาล้มเลิกความคิดของเราได้

เปลี่ยนแปลงตัวเอง

        10. ลงมือสร้างสิ่งมหัศจรรย์ ใน “ขณะที่ลงมือทำ ให้คิดภาพความสำเร็จที่ชัดเจนว่า เราจะได้รับอะไรจากความสำเร็จ” ได้บ้านในฝัน รถในฝัน แล้วภาพในฝันติดไปติดตามบริเวณต่างๆ ที่เราสามารถมองเห็นมันได้บ่อยครั้งที่สุด  แล้วจิตสำนึดเราจะรับรู้ได้เอง เพราะ “จิตใต้สำนึก” ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนคือ ภาพแห่งความฝัน หรืออันไหนคือภาพแห่งความจริง จิตใต้สำนึกจะสะสมทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในการดำเนินชีวิต แล้วจะทำงานตามปริมาณที่สะสมได้มากที่สุด ดังนั้นวิธีการป้อนสิ่งดีๆ ให้กับจิตอีกวิธีหนึ่งคือ สร้างสิ่งแวดล้อมและใช้ชีวิตแบบคนสำเร็จ คิดบวกทำบวก ลงมือสร้างสิ่งมหัศจรรย์บ่อยๆ 

         เปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนความคิด…ชีวิตเปลี่ยน ถ้าคิดได้…คุณทำได้    ชีวิตเรา…สร้างได้

บทความแนะนำ: การตั้งเป้าหมาย 

หมายเหตุ: ขอขอบคุณภาพดีๆ จากเว็บไซด์ ใน อินเตอร์เน็ต

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *