โรคพิษสุนัขบ้า การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข
สวัสดีครับวันนี้พบกันในเรื่อง กระแสเตือนภัยกับ รู้เท่าทันโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากมีการแพร่ระบาดของ โรคพิษสุนัขบ้า อย่างหนัก โดยกรมปศุสัตว์ได้กำหนดพื้นที่ประกอบด้วย
พื้นที่ A คือพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ที่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า และไม่พบเชื้อในพื้นที่ที่ติดต่อกันอย่างน้อย2 ปี
พื้นที่ B คือพื้นที่สีเหลืองหรือพื้นที่ที่ยังมีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ปี
ส่วนพื้นที่ C คือ พื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ที่ยังมีเชื้อในสัตว์และยังคงพบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่
ดังนั้นเพื่อให้ปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า besterlife.com นานาสาระประโยชน์ ขอนำเสนอแนวทางในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จากกรมควบคุมโรค ด้วยคาถา 5 ยอ คือ
1 อย่าแหย่ ให้สุนัขโมโห เพราะถ้าหากพวกมันโมโหมันจะไล่กัดพวกเราได้
2 อย่าเหยียบ ให้สุนัขตกใจ เพราะการทำให้สุนัขตกใจมันจะกลับมาแว้งกัดตัวเรา
3 อย่าเยอะ สุนัขที่กำลังกัดกันด้วยมือเปล่าเพราะจะทำให้พวกมันหันมากัดตัวเราเอง
4 อย่าหยิบหรือแย่ง อาหารจากสัตว์ที่กำลังกินอาหารเพราะจะทำให้มันโมโหและ หันกลับมากัดเราได้
5 อย่ายุ่ง อย่าไปยุ่งกับสุนัขที่เราไม่ได้เลี้ยงไว้ เพราะเราไม่รู้ว่ามันมีความดุร้ายหรือมีพฤติกรรมอย่างไร
ซึ่งจากข้อมูล สำนักงานสาธารณสุขได้เสนอมาตรการในเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในปี 2561 โดยมีข้อเสนอแนะสำหรับประชาชน ให้ปฏิบัติคือ หากโดนสุนัขหรือแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงกัด ให้ล้างแผลด้วยน้ำสบู่หรือน้ำสะอาดหลายๆครั้งอย่างน้อย 15 นาที ห้ามปิดแผลหลังจากนั้นควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษา ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและโรคบาดทะยักในทันที
ในกรณีที่ทราบตัวสัตว์ ควรให้เจ้าของกักขังและเฝ้าดูอาการสัตว์อย่างน้อย 10 วัน ถ้าสัตว์ตาย ควรนำสัตว์ส่งตรวจเพื่อหาเชื้อและหากสัตว์เลี้ยงตัวนั้น มีอาการเป็นปกติดี เจ้าของสัตว์เลี้ยง ก็ควรนำไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี
สำหรับการสังเกตอาการโรคพิษสุนัขบ้า มีรายละเอียดดังนี้ เชื้อพิษสุนัขบ้าเกิดจากน้ำลายของสัตว์เลี้ยง ที่อาจจะกัดควรหรือเลียตามบาดแผล เมื่อมีเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีลักษณะเบื่ออาหาร เจ็บคอมีไข้อ่อนเพลีย มีอาการคันบริเวณที่ถูกกัด มีอาการกระสับกระส่าย กลัวแสง กลัวลม กลัวน้ำ เมื่อมีอาการชักเกร็งอาจจะเป็นอัมพาตและอาจจะเสียชีวิตในที่สุด
ซึ่งปัจจุบันการรักษามีเพียงการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า ที่สามารถรักษาด้วยการฉีดเพียง 4-5 เข็มเท่านั้น ซึ่งในยุคอดีตอาจจะต้องฉีดกันถึงมากถึง 14-15 เข็มด้วยกัน
ถึงอย่างไรก็ตาม การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข ดังนั้นให้ทุกๆคนควรช่วยกันสอดส่องและเฝ้าระวัง เพื่อไม่ให้เกิดการระบาด ของโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ หากพบเห็นสัตว์ที่ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งมีอาการคือ เดินหางตกเดินโซเซ มีน้ำลายย้อย ลิ้นห้อย ตาขวาง ให้รีบแจ้งไปยังโรงพยาบาลใกล้พื้นที่ทันที
เอาล่ะครับเมื่อทราบแนวทางในการป้องกัน โรคพิษสุนัขบ้าแล้ว เราควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากกรมควบคุมโรค เพื่อไม่ให้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นซึ่งเราสามารถป้องกันตนเองจาก โรคพิษสุนัขบ้า ได้อย่างแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขและ mgr. Online
บทความที่น่าสนใจ เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร