ฝึกคิดบวก เพื่อทำให้เราสามารถเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งที่เป็นแง่บวกหรือแง่ลบ
ในบทที่ผ่านๆมา เริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่1 เราได้เข้าใจความหมายและคำนิยามของ การคิดบวก ในตอนที่2 ได้รู้ว่าคิดบวกมีความสำคัญอย่างไร ต่อมาตอนที่ 3 เราก็ได้รู้ว่า มีปัจจัยใดบ้างที่ส่งเสริมให้เป็นคนคิดบวกได้ แต่เราจะไม่สามารถคิดบวกประสบผลสำเร็จได้ เพราะมีปัจจัยและสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้ความคิดเรานั้นสามารถแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ดังนั้นหากให้ชีวิตคิดบวกได้ ต้องผ่านการ ฝึกคิดบวก แล้วการฝึกคิดจะสามารถสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการคิดบวกจนประสบผลสำเร็จได้
ความสำเร็จของการเรียนรู้มักจะแตกต่างกันไป ตามประเภทของการเรียนรู้ เช่น สำหรับการเข้าห้องเรียนที่อาศัยเพียงการบรรยายอย่างเดียว จะทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้เพียงแค่ 5-10 % เท่านั้น แต่หากมีกิจกรรมและการโต้ตอบบ้างในระหว่างที่เรียน ก็จะมีเปอร์เซ็นต์การเรียนรู้เพื่มขึ้นเป็น 30 % ส่วนที่เหลือ 70 % เราจะได้ความรู้จากการเรียนที่เกิดจากการปฏิบัติ
เช่นเดียวกับการคิดบวก ที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากสำนักฝึกอบรมต่างๆ ที่มีเปิดสอนคอร์สฝึกอบรมคิดบวกทั่วๆไปนั้น นับได้ว่ามีประโยชน์กับคนเรียนน้อย เพราะความรู้เหล่านั้น ไม่อยู่ที่ห้องเรียน แต่อยู่ที่ผู้อบรมต้องนำความรู้ที่ได้รับนั้น ไปปฏิบัติใช้กับชีวิตจริง หากไม่เช่นนั้นแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้จากการอบรม ก็จะถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา
การจะทำให้เรากลายเป็นคิดบวกได้สำเร็จ ต้องผ่านการฝึกฝนและพัฒนาตนเอง โดยตัวเราต้องเป็นคนที่สามารถกระตุ้นตนเองได้ เพิ่มพลังความเชื่อมั่นและศรัทธาในการคิดเชิงบวก แล้วนำวิธีคิดบวกต่างๆไป ฝึกคิดบวก ทำแบซ้ำๆในชีวิตประจำวัน เป็นการเพิ่มปริมาณคิดเชิงบวกให้แก่จิตใต้สำนึก นั้นเอง
ฝึกคิดบวก เป็นการป้อนพลังบวกให้จิตใต้สำนึกได้รับรู้ แล้วจิตสำนึกจะคิดบวกได้
ศ.ดร.นายแพทย์วิทยา นาควัชระ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ได้ให้ความรู้ ” เรื่องความคิดเชิงบวก” ว่า โดยทั่วมุมมองความคิดของคนเรา จะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ หรือแม้แต่การมองแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่คิดอะไร ทั้งหมดเกิดขึ้นจากพื้นฐานประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน ที่ได้จากการสะสมมา ตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่ รวมถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมในการเลี้ยงดู การเจริญเติบโตในสังคมมาจนถึงปัจจุบัน
กระบวนการทางจิตของมนุษย์ ก็คล้ายกับภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งมีอยู่ 2 ส่วนด้วยกันคือ ส่วนที่ 1.เป็นส่วนที่โผล่พ้นผิวน้ำและมองเห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งเรียกว่า จิตสำนึก เป็นการรู้ตัว เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ แต่มีเพียงแค่ 5 % ของจิตใจทั้งหมด ส่วนที่ 2 เป็น จิตใต้สำนึก เป็นส่วนที่จมอยู่ในน้ำ ตั้งแต่ใต้ผิวน้ำลงไป เป็นปริมาณส่วนใหญ่ของภูเขาน้ำแข็ง เป็นส่วนที่เรามองไม่เห็น และมีปริมาณมากถึง 95 %
ดังนั้นหากต้องการให้จิตสำนึกคิดบวกได้ ต้องใช้เทคนิควิธีสะสมปริมาณความคิดในด้านบวกให้แก่จิตใต้สำนึก ให้คิดแต่สิ่งดี คิดเชิงสร้างสรรค์ สามารถมองโลกในแง่ดีได้ ก็จะทำให้เราสามารถเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทั้งที่เป็นแง่บวกหรือแง่ลบ
กฏธรรมชาติแห่งแรงดึงดูดมีอยู่ว่า สิ่งที่มีค่าเหมือนกันจะดึงดูดเข้าหากัน ความคิดดี ก็จะดึงดูดแต่สิ่งดี คนคิดบวกได้มักจะไม่กังวลอะไรมากจนเกินไป มีความกล้าหาญ กล้าคิดตัดสินใจ คิดบวกสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เป็นสุขได้ คิดบวก จะช่วยเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง กระตุ้นตัวเองให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจ ให้กลายเป็นคนขยัน เป็นคนที่มีความมุ่งหวัง มีความพยายามและมีความเชื่อมั่นในสมรรถนะของตน
เทคนิคการฝึกคิดบวก และ วิธีคิดบวก
คิดบวกเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยตัวเรา คิดบวกอยู่ที่ใจ การสร้างพลังบวกจากความเชื่อมั่นศรัทธาผลดีแห่งการคิดบวก ด้วยการจินตนาการภาพผลประโยชน์ของการคิดบวกให้ชัดเจน หลังจากนั้นทำให้ตนเองรู้สึกถึงพลังเชิงบวกได้ แล้วเราจะสามารถเปลี่ยนการกระทำที่เป็นบวก เช่น การพูดว่า “ฉันทำได้” ก็เป็นวิธีคิดบวก เพื่อปลุกความกล้า มันจะผลักดันพลังงานแห่งความคิด ทำให้เราแรงกระตุ้นให้ตนเอง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และลงมือทำจนประสบคาวมสำเร็จได้ ฝึกคิดบวก และ วิธีคิดบวก มีดังนี้
-
สร้างความศรัทธาในตัวเอง ความเชื่อมั่นและความศรัทธา จะเป็นแรงพลักให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีขึ้น เป็นพลังเพื่อกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงตนเอง เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ วิธีสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในตนเองคือ ขยันใส่ปัจจัยเชิงบวกแบบซ้ำๆเช่น ป้อนความคิดบวกให้กับจิตใต้สำนึก ด้วยวิธีพูดกับตนเองทุกๆวันว่า เราทำได้ เลือกฟังเฉพาะคำพูดที่ให้กำลังใจ อ่านและเขียนแต่สิ่งที่เป็นบวกทุกๆวัน แล้วต้องเชื่อว่า สิ่งที่ป้อนให้กับจิตใต้สำนึกนั้นเป็นเรื่องจริง
-
รับเฉพาะข้อมูลด้านดี ข่าวในปัจจุบัน มักจะมีทั้งดีและแย่ๆ แต่โดยส่วนมากแล้ว ข่าวในชีวิตประจำวันที่นำเสนอจะเป็นลบเสียมากกว่า โดยเฉพาะข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ มักแสดงข่าวด้านลบมากกว่าดี เพราะข่าวดีมันไม่ตื่นเต้นเท่ากับข่าวร้าย อีกนัยหนึ่งคือ การกระทำในสิ่งดี แล้วประสบความสำเร็จ จะมีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่า เพราะการลงมือทำสิ่งดีๆอะไรบางอย่างให้ประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยเวลาและการแก้ไขปัญหาอุปสรรคมากมาย กว่าจะได้รับชัยชนะตามเป้าหมาย ต้องอาศัยเวลาและการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงแม้ว่าข้อมูลสิ่งดีมีน้อย ก็ควรเลือกเสพข้อมูลด้านดี ฟัง ดู อ่าน เขียนเฉพาะข่าวดี
-
พูดและทำแต่สิ่งดี เป็นวิธีป้อนสิ่งที่เป็นบวกให้จิตใต้สำนึก ก่อนนอนหรือหลังจากตื่นนอนตอนเช้า ให้พูดคำที่เป็นบวกกับตัวเองซ้ำๆเช่น ฉันเป็นคนเก่ง ฉันทำได้ ฉันเป็นคนกล้า ฉันมีความฉลาด เพื่อตอกย้ำความคิดเชิงบวก ให้ฝังอยู่จิตใต้สำนึกทุกวันๆ จะทำให้ทุกๆ วันเป็นวันที่เราคิดบวกได้ เทคนิคในการพูดกับตนเองคือ มองตัวเองในกระจกแล้วบอกกับตัวเองว่า เรา…เก่งที่สุดในโลก…. ก่อนที่จะเดินทางออกจากบ้าน หรือไปทำอะไรก็ตาม และหรือใช้วิธีถามตัวเองทุกๆครั้งว่า “ วันนี้จะมีเรื่องดีๆ อะไรเกิดขึ้นกับเราบ้างนะ ”
-
เขียนสะสมคำดีๆ ให้เยอะเข้าไว้ สุดยอด เก่ง เจ๋งมาก ยอดเยี่ยม เท่ห์ หล่อ Smart ฉลาดแล้วอ่านมันบ่อยๆ การเขียนสะสมคำดีก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ป้อนพลังบวกให้ตนเอง การเขียนคำขอบคุณสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยก็ตามเช่น ขอบคุณ เว็บ http://Besterlife.com ที่ทำให้ฉันได้พัฒนาการเขียนและยังได้มอบแนวคิดดีๆ ให้แก่ผู้คนทั้งประเทศ ขอบคุณข้อมูลต่างๆที่ฉันมีอยู่ในมือ ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนที่ช่วยกันแชร์บทความ
-
ทำให้ตัวเองมีความสุขง่ายๆ ทำให้เกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อเราได้ลงมือทำสิ่งต่างๆจนสำเร็จแล้ว ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสักเพียงใด เช่น ตื่นเช้าไปทำงานได้ทันเวลาเข้างาน ก็ให้ยิ้มให้ตัวเอง เมื่อได้รับคำชมเรื่องงาน ก็ให้รางวัลกับตัวเอง อาจจะเป็นการซื้อขนมอร่อยๆให้ตนเองที่สอบผ่านเป็นต้น ที่สำคัญอย่าปฏิเสธคำชม และให้น้อมรับไว้ด้วยการบอกว่า ขอบคุณทุกๆครั้ง หากได้รับคำชมจากคนรอบข้าง เพราะมันจะกลายเป็นกำลังใจให้คุณคิดบวกต่อไป
-
ทำทันที ใช้คำว่า “ตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ทันที” ตอบโต้กลับทันที มีความสุขทันที ยิ้มทันที หัวเราะ เมื่อมีความสุข
-
สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เริ่มจากสิ่งที่เราอาศัยอยู่ ที่บ้านในห้องของตนเอง เก็บกวดทำความสะอาดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะช่วยให้เราเปลี่ยนมุมมองได้ เกิดไอเดียร์ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้ออกมาจากความคิดได้เช่น เปลี่ยนตำแหน่งการจัดวาง ในชั้นวางหนังสือให้เป็นหมวดหมู่ การจัดเตียงไว้ส่วนต่างๆของห้องเพื่อมีพื้นที่มากขึ้น สภาพแวดล้อมมีผลต่อความคิดเชิงบวกอย่างมาก คนจะมองโลกในแง่ดีได้ต้องเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ดี เพราะสิ่งที่เป็นบวกสามารถขยายความดีให้กันและกันได้ ได้เพื่อนคิดบวกตนเองก็จะคิดบวก สังคมดีสภาพแวดล้อมดี จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดทัศนคติด้านบวก
-
จินตนาการ มองภาพแห่งความสำเร็จ ด้วยวิธีจินตนาการว่าสิ่งดีๆ เหล่านั้นได้เกิดขึ้นกับเราแล้ว ” เทคนิคการจินตนาการคือ คิดแทนที่คนสำเร็จ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบวิธีการทำงาน แนวคิดต่างๆให้ราวกับว่า เราเป็นคนสำเร็จคนนั้นแล้วจริงๆ“ เพราะจิตใต้สำนึกไม่สามารถแยกแยะได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพียงแค่จินตนาการ หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
-
สร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการมองหาบุคคลต้นแบบ ทุกคนควรมีบุคคลต้นแบบเป็นตัวอย่าง คนต้นแบบช่วยสร้างแรงบันดาลใจและสร้างกำลังใจ ช่วยกระตุ้นให้เกิดความขยันและอดทน ไม่ท้อแท้สิ้นหวัง เมื่อต้องเผชิญกับความล้มเหลว หากท้อแท้ ก็ยังสามารถคิดให้กำลังใจตนเองได้ วิธีคิดถึงคนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ให้ถามว่าพวกเขาว่า พวกเขาอยู่มาถึงปัจจุบันนี้ได้อย่างไร พวกเขาคงเคยล้มเหลวมามากกว่า กับสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่
-
พาตัวเองเข้าไปอยู่ในแวดวง คนที่ประสบความสำเร็จและเป็นคนมองโลกในแง่ดี เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า เราสามารถย่นเวลาในการสร้างความสำเร็จได้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่พลังอำนาจจากคนอื่น สามารถส่งผ่านพลังความคิดเข้าไปข้างในจิตใจเราได้ คนที่คิดในด้านบวก จะช่วยกระตุ้นและเป็นแรงบันดาลใจให้เรา สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองได้ เราเองก็จะมีพลังในการทำงาน มีความเพียร มีความมุ่งมั่นและพยายามทำให้สำเร็จได้ตามเป้าหมาย และท่องจำเสมอว่า..จงนำตัวเองออกห่างจากคนคิดแต่ด้านลบ คิดแต่แง่ร้ายร้าย เพราะเป็นสิ่งขัดขวางความก้าวหน้าของคุณ
-
ทำตัวเองให้เป็นน้ำครึ่งแก้ว ถ้าแก้วมีน้ำแค่ครึ่งเดียว จงเติมให้เต็มแก้ว ไม่ผิดอะไรที่คุณจะเติมน้ำให้เต็มแก้ว เปิดใจเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่น เป็นวิธีเปิดรับโอกาสแห่งการเรียนรู้ วิธีการทำงานแตกต่างได้ แต่ต้องดีกว่า และที่สำคัญของการเป็นคนที่มีน้ำเต็มแก้วคือ จะทำให้เราไม่กลายเป็นคนที่มีความมั่นใจมากจนเกินไป ที่ไม่สนว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะผิดหรือถูก เพราะเราได้ตัดสินใจไปแล้วว่า ฉันเก่งชำนาญแล้วไม่มีใครรู้ดีกว่าฉัน
-
ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น การตัดสินใจที่ผิดพลาด บางคนจดจำเหตุการณ์ที่ล้มเหลวครั้งนั้น แล้วนำตรึงตราไว้ในใจมากจนเป็นทุกข์ จนไม่กล้าที่จะเผชิญปัญหา ดังนั้นเราต้องปล่อยให้มันผ่านไป เรียกว่า เป็นการให้อภัยตนเอง ทุกครั้งเมื่อรู้ว่าทำผิดพลาดควรให้อภัยตนเอง ใช้ความผิดพลาดจากอดีตเป็นบทเรียน เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป ทำให้ดีกว่าที่เคยทำได้
-
เอาชนะความคิดด้านลบ แน่นอนในแต่ละวันทุกๆคน ไม่สามารถเอาตนเองไปอยู่ในสภาพที่เป็นบวกได้ทุกเวลา แต่จะทำอย่างไรเมื่อพบเจอกับสิ่งที่เป็นลบ อย่าตัดสินอะไรง่ายๆจนกว่าจะได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด การเอาชนะความคิดลบด้วยวิธีค้นหาโอกาสจากความล้มเหลว เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสที่กำลังจะมาถึงในอนาคต เมื่อชีวิตเจอสิ่งร้ายๆ ให้มองภาพ ที่เรามองแล้ว ช่วยให้มีความสุข
-
มองไปข้างหน้า (Next…) ชีวิตต้องดำเนินต่อไป จงวางเป้าหมายที่เป็นไปได้ต่อไป แล้วพยายามทำให้สำเร็จ
คิดบวก จะประสบความสำเร็จได้ต้องได้รับการ ฝึกคิดบวก แบบตอกย้ำความคิดดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสะสมจำนวนความคิดด้านดีให้จิตใต้สำนึกมีมากยิ่งขึ้น คิดบวกจะเป็นเข็มทิศเปลี่ยนชีวิต กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
อ่านต่อ ตอนที่5