วิธีตรวจสุขภาพด้วยตนเอง
ครับวันนี้ Besterlife.comขอนำเสนอ วิธีตรวจสุขภาพด้วยตนเอง จากกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง แท้จริงแล้วไม่มีใครรู้สุขภาพร่างกายของเราดีเท่ากับตัวเรา ถึงแม้จะเป็นหมอ กว่าจะวินิจัยโรคได้ ก็ต้องได้รับข้อมูลต่างๆ จากการตั้งคำถามที่ให้พวกเราตอบสังเกตง่ายๆ เช่น พอหมอเห็นหน้าเราก็มักจะถามว่าเป็นอะไรมา อาการเป็นอย่างไร เป็นมากี่วันแล้ว เป็นต้น
ดังนั้นบทความนี้ผมจึงขอนำเสนอเทคนิค ในการตรวจสอบความผิดปกติของร่างกายของคนเรา ตั้งแต่การนอนจนถึงก่อนนอนของอีกหนึ่งวัน ซึ่งกิจวัตรประจำวันของคนเราทำเหมือนๆกันก็คือ ทำงาน กิน นอน ซึ่งเราสามารถสังเกตการทำงานของร่างกาย ที่มันสื่อความหมายของการมีสุขภาพดีและสุขภาพไม่ดีได้ โดยเราสามารถมอง ความผิดปกติของร่างกายได้จากลักษณะดังต่อไปนี้
1 เริ่มตั้งแต่การนอนหลับ เวลานอนหลับเป็นเวลาที่ร่างกายต้องได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซมให้สมบูรณ์ และกลับมาสดชื่นได้อีกครั้ง ก่อนที่จะตื่นนอนในตอนเช้า แต่หากนอนหลับไม่สนิท นอนตื่นกลางคืน จนทำให้การนอนหลับไม่เพียงพอแทนที่ร่างกายจะได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซม มันก็จะเสื่อมโทรมไปเรื่อยๆ แล้วโรคต่างๆก็จะเข้ามารุมเร้า
การนอนหลับที่ดีและถูกต้องคือ ต้องนอนให้หลับแบบสนิทหรือเรียกอีกอย่างว่า การหลับลึกนั่นเอง การหลับลึก จะทำให้ร่างกายได้รับการซ่อมแซมและฟื้นฟูอย่างเพียงพอ ซึ่งเวลาหลับลึกที่ดีที่สุดจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 4 ทุ่ม จนถึง 3.00 น. ดังนั้นเราควรนอนหลับให้อยู่ในช่วงนี้นั่นเอง และมีพฤติกรรมอีกอย่างที่ไม่ควรทำคือ การรับประทานอาหารแล้วเข้านอนทันที เพราะจะทำให้กลไกลการทำงานและการควบคุมการเผาผลาญอาหารผิดปกติ จะกลายเป็นโรคอ้วน และน้ำตาลในเลือดสูง จนเป็นสาเหตุของโรคเบหวาน
2 ตื่นนอนแล้วยังรู้สึกว่าตัวเองง่วงนอนอยู่ แสดงว่าร่างกายต้องการพักผ่อนและการฟื้นฟู อาการนี้จะสัมพันธ์กับ การนอนหลับไม่สนิทหรือไม่ได้หลับลึกนั้นเอง หลายๆ คน ยึดติดกับเวลาในการนอนเยงอย่างเดียวเช่น นอนอย่างน้อยให้ได้ 6-8 ชั่วโมง แต่นอนผิดเวลาดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นก็มีประโยชน์น้อย หรือความเข้าใจผิดการนอนชดเชยการนอนน้อย ด้วยการเอาเวลานอนที่ขาดไปวันปกติ แล้วไปชดเชยในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ต่อให้นอนทั่งวัน จะให้นอนตื่นสายหรือตื่นบ่าย การนอนลักษณะนี้จะไม่ทำให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟู ร่างกายก็จะอ่อนแอไปเรื่อยๆ
3 กินอาหารแล้วรู้สึกว่า อาหารไม่ย่อย แสดงออกถึงระบบย่อยอาหารมีปัญหา โดยส่วนใหญ่แล้วการย่อยอาหารจะเริ่มตั้งแต่ การเคี้ยวในปาก เข้าไปในกระเพาะ จนถึงลำไส้เล็ก แล้วส่งต่อเพื่อไปรอการขับถ่ายที่ลำไส้ใหญ่ แต่เมื่อระบบการเผาผลาญมีปัญหา มันหมายถึงมีแต่มีสิ่งเน่าเสียในกระเพา มันก็จะเกิดแก๊ส แล้วร่างกายมันจะพยายามขับออกทางทวารหนักด้วยการผายลม ต่อมาเมื่อมันเยอะขึ้นๆ มันก็จะดันออกทางเดิมที่เรากินเข้าไป ด้วยการขับลมหรือการเรอ ลำดับถัดไปหากร่างกายไม่สามารถขับออกได้อีก แก๊สเน่ามันก็จะปนไปกับกระแสเลือด ไหลไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย หลังจากนั้นก็จะถูกผลักดันออกมาทางผิวหนัง ดังนั้นเราจึงสามารถสังเกตความผิดปกติของสุขภาพ ว่ากำลังจะเป็นโรค เช่น การมีกลิ่นตัวแรงผิดปกติ มากกว่าที่ตัวเองเคยสัมผัสได้ การผายลมบ่อยๆ เรอแล้วมีกลิ่นเหม็นซึ่งไม่เหมือนกับการกินอาหารอิ่ม
4 รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนในตอนกลางวัน ถึงแม้จะกินกาแฟหรือได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากๆแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้ตัวเองกลับมาสดชื่นได้อีกครั้ง ซึ่งอาการแบบนี้เป็นอันตรายมากกับคนที่ขับรถในเวลากลางวัน เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ หลับในขณะที่กำลังขับรถ หรือ มีอาการหน้ามืด วูบ บางครั้งมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตก็ได้เช่นกัน อาการอย่างนี้ มีโอกาสเป็นไปได้ว่า ระบบการหมุนเวียนของเลือดผิดปกติ อาจจะเป็นโรคหัวใจหรือความดัน ดังนั้นไม่ควรฝืนร่างกายมากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอและฟื้นฟูร่างกาย หากยังไม่รู้สึกดีขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพหรือพบแพทย์ ทำการตรวจประเมินสุขภาพ และจะได้รับการรักษา เพื่อให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติและสดชื่นได้อีกครั้ง
5 รู้สึกเบื่ออาหาร กินอาหารไม่อร่อย กินอาหารเข้าไปแล้ว คลื่นไส้อาเจียน หิวแต่ก็ไม่อยากกินเป็นต้น ถึงแม้ว่าจะรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินต่างๆ แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย ซึ่งอาจจะมีระบบบางอย่างในร่างกายไม่ทำงาน หรือมีความผิดปกติ บางครั้งอาจจะเป็นก้อนเนื้อร้ายหรือเป็นมะเร็งเลยก็ว่าได้ ดังนั้นถ้าหากเป็นอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการตรวจเช็คร่างกาย
6 เป็นแผลแล้วแผลหายช้า ปกติร่างกายของคนเรา จะมีระบบในการฟื้นฟูซ่อมแซม ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลให้กลับคืนสู่สภาพได้ปกติได้อีกครั้ง สำหรับวัยเด็กและวัยเจริญพันธุ์ ระบบการฟื้นฟูซ่อมแซมของร่างกาย มักจะทำได้ดีและทำได้เร็วกว่าวัยชรา เพราะการทำงานของเซลล์ในร่างกายมีความยืดหยุ่นและมีความกระตือรือร้น แต่สำหรับคนสูงวัยก็ใช่ว่าจะฟื้นฟูได้ช้าจนผิดสังเกต จากเดิมที่เราเคยเป็นแผลแล้วหายเป็นปกติได้ อาจจะใช้เวลาเพียงประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ครั้งหลังๆแผลกลับหายช้าผิดปกติ เป็นเดือนๆ แล้วแผลก็ยังไม่หาย นั่นอาจจะแสดงให้เห็นว่า คุณอาจจะกำลังเป็นโรคเบาหวาน ดังนั้นควรไปปรึกษาแพทย์
ครับรู้ วิธีตรวจสุขภาพด้วยตนเอง แล้วยังไม่พออยากมีสุขภาพร่างกายดี ต้องเริ่มตั้งแต่เยาว์วัย ต้องใช้ร่างกายอย่างทะนุถนอม เพื่อให้ร่างกายเขาอยู่กับเราได้นานๆหมั่นตรวจเช็คร่างกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และกินอาหารให้ได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ แล้วพบกันใหม่กับบทความดีๆ กับ Besterlife.comนานาสาระประโยชน์
บทความที่น่าสนใจ ฟื้นฟูผิวคล้ำเสียจากแสงแดด