การปรับปรุงตนเอง เพื่อดึงศักยภาพตนมาใช้งาน Self Improvement
การปรับปรุงตนเอง Self Improvement คือ การเปลี่ยนแปลงตนเองในทิศทางที่เป็นบวก เป็นการพัฒนาทักษะความสามารถด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ทัศนคติ ความเชื่อและการกระทำ จนกลายเป็นคนที่มีคุณสมบัติของความสำเร็จ การปรับปรุงตนเอง จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองได้มากยิ่งขึ้น มีความมั่นใจและมีความกล้ามากยิ่งขึ้น จนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลงมือทำสิ่งต่างๆได้ดีมากยิ่งขึ้น รางวัลสำหรับคนคุณภาพเช่นคุณ จะสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานต่างๆ เป็นที่รักใคร่ของเจ้านาย ได้รับความเคารพศรัทธาจากลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน นั้นคือผลลัพธ์แห่งความสำเร็จของ การปรับปรุงตนเอง
แต่การปรับปรุงตนเอง ไม่สามารถทำให้สำเร็จกันได้ง่ายๆ เพราะการปรับปรุงตนเองจะประสบความสำเร็จได้อยู่ที่การใส่ใจ บวกความเพียรพยายาม ยึดมั่นในหลักแห่งความถูกต้องและเป็นจริง นั้นหมายถึงความสามารถในการกระตุ้น โน้มน้าวและการสร้างพันธสัญญาให้กับตนเอง จนสามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนการหรือการกระทำแบบเดิมๆให้กลายเป็นคนใหม่ได้ จนประสบความสำเร็จ
การปรับปรุงตนเอง ไม่สามารถทำสำเร็จได้เพียงแค่การลงมือทำครั้งหรือสองครั้ง แต่จะต้องได้รับการลงมือทำอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นความเคยชิน เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว การลงมือทำการใดๆที่ประสบความสำเร็จไปซะทุกเรื่อง บนโลกนี้ก็คงเต็มไปด้วยคนรวย โดยไม่มีคนจน ไม่มีขอทานให้เห็นแน่นอนซึ่งแห่งกฏธรรมชาติได้สร้างไว้ ให้เป็นเช่นนั้น จากข้อมูลเชิงสถิติพบว่า คนรวยคนที่ประสบความสำเร็จจะมีประมาณ 5-10 % จากประชากรทั้งหมด แต่สามารถครอบครองทรัพย์สินมากกว่า 80 % ของทรัพย์สินจากประชากรทั้งหมด
แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนทั่วๆไปอย่างเรา จะไม่สามารถยืนอยู่ใน 5-10 % แบบคนรวยได้ ถ้าหากมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน ตัดสินใจอย่างชัดเจน มีการปรับปรุงตนเองเปลี่ยนแปลงตนเองให้ทันสถานการณ์ การมีความรู้บวกกับการลงมือทำอย่างจริงจัง ถึงแม้จะเจอกับอุปสรรคก็คงจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
เทคนิควิธี การปรับปรุงตนเอง เพื่อดึงศักยภาพตนมาใช้งาน Self Improvement
เป็นการพัฒนาการปรับปรุงตนเอง เป็นวิธีการดึงพลังที่แฝงอยู่ในตัวตนของเราออกมาใช้งาน เป็นวิธีดึงความเชื่อมั่นและความศรัทธา ดึงความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่ในตนเอง ควบคู่ไปกับการลงมือปฏิบัติ ด้วยความพยายาม มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคไปหาเป้าหมาย มีเทคนิคดังนี้
-
ศรัทธา วิธีสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาในศักยภาพของตัวเอง เพื่อดึงพลังความเชื่อมั่นจากจิตใต้สำนึก ที่ได้จากการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อ อำนาจแห่งความศรัทธาเหนือกว่าสิ่งอื่นใดบนโลกนี้คือ ความศรัทธาความเชื่อมั่นในตนเอง ความเชื่อมั่นคือ การยอมรับนับถือคุณค่าในตนเอง เคล็ดลับการสร้างพลังแห่งความเชื่อคือ อำนาจแห่งจักรวาลอยู่ที่ตัวเราแล้ว เชื่อว่าทำได้ เราจะทำได้ เชื่อว่าตนเป็นสิงโตเป็นเจ้าป่าจริงๆ
-
ความมุ่งมั่น พลังที่ถูกกระตุ้นออกมาจากจิตใจ เริ่มต้นที่การตัดสินใจ แล้วโฟกัส( Focus )ไปยังผลลัพธ์แห่งเป้าหมาย จะช่วยผลักดันแรงแห่งความมุ่งมั่น ตั้งใจ มีความทะเยอทะยาน จะสามารถขับเคลื่อนตนเอง ให้มีความมุ่งมั่นที่จะมองข้ามอุปสรรคเป็นเพียงบันไดแห่งความสำเร็จ ซึ่งก็เหมือนกับการก้าวขึ้นบันได โดยบันไดขั้นล่างๆจะเป็นฐานแห่งความสำเร็จ ให้กับการขึ้นบันไดชั้นถัดไป คนมุ่งมั่นจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
-
จินตนาการภาพแห่งความสำเร็จ มองภาพแห่งอนาคตให้ตนเองไปยืนตำแหน่งแทนที่คนที่ประสบความสำเร็จ แล้วจงเลียนแบบวิถีชีวิตเหมือนกับว่า เราคือคนที่ประสบสำเร็จคนนั้น การจินตนาการ เป็นกระบวนการตอกย้ำภาพแห่งความสำเร็จให้กับจิตใต้สำนึกได้รับรู้ เพราะจิตใต้สำนึกไม่สามารถแยกแยะออกได้ว่า ภาพที่เกิดขึ้นจากจินตนาการเป็นเรื่องจริงหรือเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น จิตใต้สำนึกจะรับรู้ได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ทัศนคติหรือความเชื่อ ภาพแห่งจินตนาการทุกอย่าง จิตใต้สำนึกจะมองว่า คือเรื่องจริง
-
สมาธิ การฝึกทำสมาธิจะทำให้เรามีความละเอียดรอบครอบมากขึ้น สามารถเปลี่ยนจากคนใจร้อนให้ใจเย็นลงได้ จังหวะการเต้นของหัวใจช้าลง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น การมีสมาธิสูงขึ้น การจดจ่อในการทำสิ่งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น โอกาสแห่งความสำเร็จในการทำงานก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย วิธีการฝึกสมาธิ โดยส่วนใหญ่ มักเลือกใช้วิธีนั่งสมาธิเจริญภาวนา โดยนั่งขัดสมาธิยืดตัวตรง ให้มือขวาทับมือซ้าย หลับตาจดจ่อกับลมหายใจเข้ากล่าวคำในใจว่า พุท เมื่อลมหายใจออกกล่าวคำว่า โธ หรืออาจจะใช้วิธีอื่นๆตามที่ตนเองถนัดเช่น การจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การจดจ่อกับการทำงานหรือการเพ่งวัตถุต่าง ๆเป็นต้น
-
สร้างโอกาส การรอคอยและการบ่นเรื่องดวงชะตาชีวิต ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น โชคและโอกาสดีๆ สามารถสร้างได้ การเตรียมความพร้อมทุกๆด้านเพื่อเปิดรับโอกาส ด้วยการศึกษาและการค้นคว้าหาความรู้ การเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้จากความล้มเหลว เทคนิคการย่นระยะเวลาในการเรียนรู้คือ การเรียนรู้จากคนประสบความสำเร็จ การพัฒนา การปรับปรุงตนเอง เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จะสามารถพัฒนาทักษะและสร้างความเชี่ยวชาญให้มีความหลากหลายได้มากยิ่งขึ้น เมื่อตนเองมีความพร้อมก็จะกลายเป็นคนโชคดี เมื่อโอกาสดีๆเกิดขึ้น ส่วนคนที่ไม่พร้อมก็ไม่สามารถคว้าโอกาสนั้นได้
-
ฝึกฝน การฝึกฝนด้วยวิธีลงมือทำด้วยกำลังความสามารถที่มีอย่างต่อเนื่องจะช่วยสร้างทักษะ เกิดความชำนาญ สามารถทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จได้เร็วและดีขึ้น เมื่อโลกยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถูกพัฒนาแบบก้าวกระโดด การที่มีความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่เคยทดลองปฏิบัติจริง ขาดการฝึกฝนและไร้ซึ่งทักษะ ก็เปรียบเสมือนเด็กอ่อนหัดที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัย จะไม่สามารถแข่งขันกับคนที่เรียนจบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาที่มีประสบการณ์นับสิบๆปี การฝึกฝนทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาอย่างหนัก จะกลายเป็นความฉลาดและมีอัจฉริยภาพ สามารถตัดสินใจได้เร็ว มีสติปัญญามากขึ้น เมื่อเจอปัญหาอุปสรรค จะสามารถแก้ได้อย่างทันสถานการณ์
-
ความมีมานะ การทำงานแบบไม่ลดละความพยายาม จดจ่อในสิ่งที่ทำ พากเพียรมานะบากบั่น จะเกิดพลังใจที่แข็งแกร่ง สามารถโน้มน้าวตนเองให้มีกำลัง เพื่อจะต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคได้ ความสำเร็จจากการเอาชนะปัญหาได้บ่อยครั้ง จะเป็นการเรียนรู้ซ้ำๆ การแก้ปัญหาที่แปลกใหม่ จะกลายประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต การเผชิญกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่ ด้วยความมานะและอดทน มียืดหยุ่น เชื่อมั่นในความสามารถและโฟกัสที่จุดมุงหมาย สามารถยอมรับได้ในความพ่ายแพ้ และสามารถเรียนรู้จากความล้มเหลวได้ ต่อให้ต้องข้ามเหว ปืนภูเขาที่เต็มไปด้วยหินผาอันสูงชัน ในที่สุดก็จะได้รับชัยชนะ
-
ความกล้า คนกล้าหาญ มักจะมีจิตใจที่เข้มเข็ง สามารถมองหาโอกาสจากวิกฤติได้ สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นบวกหรือเป็นลบ จะกลายเป็นคนโชคดีและประสบความสำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนในหุ้นที่ประสบความสำเร็จจากความกล้า ขณะที่คนอื่นทั่วไปกลัว แต่พวกเขากลับเข้าช้อนซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำมากในปี 2540 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน มูลค่าหุ้นของพวกเขาเติบโตหลายเท่าตัว ทำให้พวกเขากลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ
เคล็ดลับสร้างความกล้า ด้วยวิธีตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล ข้อเท็จจริง การฝึกคิดเชิงระบบ และการตัดสินใจโดยไม่ลังเล การมองหาโอกาสดีๆ ที่อาจจะแฝงมากับการเปลี่ยนแปลงเชิงลบ การปรับปรุงตนเองให้มีลักษณะท่าทางที่สง่า เดินนั่งอย่างสมาร์ท ฝึกนั่งแถวหน้า และการนำเสนอความคิดเห็น จะช่วยสร้างความมั่นใจและกล้ามากยิ่งขึ้น
-
เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง บนโลกยุค Digital (ดิจิทอล) ความทันสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดด คนที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ทันกับสถานการณ์ จะทำให้กลายเป็นคนที่ล้มเหลว การหยุดอยู่กับที่เท่ากับว่า ถอยหลัง จะทำให้ตกยุค ตกเทรนด์ จะก้าวตามคนอื่นไม่ทัน และกลายเป็นคนผ่ายแพ้ไปในที่สุด ดังนั้นควรเปิดโลกทัศน์ ต้องเป็นกบนอกกะลา ออกเดินไปตามสถานที่แปลกใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยรู้ หากมีต้นทุนน้อย เงินทุนต่ำ ก็สามารถการเปิดหูเปิดตาด้วยการท่องเที่ยวไปบนโลกไซเบอร์ได้เช่น การเข้า Google ค้นคว้าในสิ่งที่ยังไม่รู้
-
สร้างนิสัยดี คนที่มีลักษณะนิสัยดี มักทำให้ใครๆ อยากเข้าใกล้ อยากคบหาสมาคมด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้ตนเองอีกหนึ่งวิธี การสร้างภาพพจน์ที่ดี ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตนในที่ทำงานหรือการทำธุรกิจ จะสร้างความน่าเชื่อถือและไว้ใจ การเจรจาติดต่อประสานงานจะทำได้ดีขึ้น นิสัยดีควรทำอย่างต่อเนื่อง เพราะการทำไม่ดีเพียงครั้งเดียว ความดีทั้งหมดที่เคยทำไว้ จะสูญหายไป แม้ว่าจะเคยเป็นคนนิสัยดีมานับล้านๆครั้งแล้วก็ตาม
การปรับปรุงตนเอง เพื่อให้กลายเป็นคนนิสัยที่ดี ด้วยวิธีส่งเสริมจิตใจให้ทำความดี ช่วยเหลือคนอื่น ทั้งในที่ทำงานและที่บ้าน รู้จัดการให้อภัยตนเองและผู้อื่น หากต้องการให้ใครพูดกับเราเช่นใด ก็ขอให้ปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งการดึงดูด คนคิดบวกย่อมได้สิ่งที่เป็นบวก คนดีย่อมดึงดูดคนดี
-
สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ด้วยวิธียิ้มแย้มแจ่มใส่ ทักทายกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกันอยู่เป็นนิด การไต่ถามสาระทุกข์สุขกันอยู่เสมอ ช่วยทำให้ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่ประสบความสำเร็จ จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ได้เรียนรู้เคล็ดลับเทคนิคดีๆที่คนอื่นลงมือทำแล้วประสบความสำเร็จได้
-
รู้รับผิดชอบ การให้สัญญาใจและรับผิดชอบกับเป้าหมาย จะสร้างแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจ ไม่ท้อแท้สิ้นหวังอะไรง่ายๆ การผูกพันธสัญญาไว้กับคน ซึ่งอันเป็นที่รัก จะเสริมสร้างกำลังใจ ให้เราเป็นคนที่มีความพยายามและเกิดพลังแรงใจในการลงมือทำได้มากยิ่งขึ้น กล้ารับผิดและกล้าที่รับชอบในผลลัพธ์ อันจะเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง ควรตระหนักรู้ด้วยการคิดก่อนที่จะลงมือทำ มีความรอบคอบ หากได้รับการยกย่องให้น้อมรับอย่างจริงใจ และกล่าวคำว่าขอบคุณ
-
การมีทีม “อยากไปไวให้ไปคนเดียว อยากไปไกลอย่างมั่นคงต้องไปกันเป็นทีม” ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น การมีส่วนร่วมและความสามารถเข้ากับทีมได้ดี จะนำมาซึ่งความสำเร็จ เพราะทีมจะช่วยให้การแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ จะมีทางเลือกเพื่อการตัดสินใจได้หลากหลายวิธี มีความรอบคอบและเกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โอกาสจะประสบความสำเร็จก็ย่อมมีสูงขึ้นเช่นกัน คนในทีมควรรู้บทบาทที่ตนเองต้องรับผิด ควรเป็นได้ทั้งผู้ตามหรือผู้นำที่ดีได้
เทคนิค การปรับปรุงตนเอง Self Improvement เป็นวิธีดึงศักยภาพตนมาใช้งาน Self Improvement จะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อถูกนำไปปฏิบัติและประยุกต์ใช้กับชีวิตจริง อย่าเชื่อถ้ายังไม่ได้ปฏิบัติ ชีวิตเรา…สร้างได้
บทความน่าสนใจ วิธีสร้าง แรงบันดาลใจ (Inspiration) เพื่อสร้างความสำเร็จให้ชีวิต