ข้อคิดก่อนซื้อรถ ถามตัวเองให้ดีก่อน  ว่าการซื้อรถยนต์คันนี้  มีเป้าหมาย?

ข้อคิดก่อนซื้อรถ

           5 ข้อคิดก่อนมีรถยนต์ รถยนต์นับได้ว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทาง  ที่ช่วยให้การไปไหนมาไหน ทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอคอย รวมถึงการบริการที่ตรงใจ อยากไปเวลาไหนก็ได้ไป อยากพักตรงไหนก็พัก บริการให้คุณได้ทุกเวลายกเว้นเวลารถมันเสียนะ จะบอกให้  ซึ่งการให้การบริการสาธารณะ รถเมย์ รถไฟ  ไม่สามารถทำได้  แต่ก่อนที่จะซื้อรถยนต์ก็จะต้องเตรียมการให้ดี  จึงขอเสนอ ข้อคิดก่อนซื้อรถ ดังนี้

  1. คำว่ารถมันสมกับชื่อ เพราะหากซื้อมาแล้ว มูลค่าของมัน จะลดลงตั้งแต่ขับออกจากโชว์รูม สามารถดูได้จากค่าวงเงินคุ้มครองในสัญญาทำประกันภัย ที่ลดลงทุกๆปี

  2. วันแรกที่รับรถยนต์ เราอาจะตื่นเต้นและดีใจมาก แต่วันต่อๆ ไป รถยนต์จะกลายเป็นภาระและมีค่าใช้จ่ายต้องเทคแคร์ดังนี้

            รายจ่ายทุกๆวัน ที่ใช้มัน เช่น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ถึงแม้คุณจะบอกว่า ฉันเติมน้ำมันเป็นรายสัปดห์ก็ตาม แต่รถยนต์มันกินน้ำมันทุกๆวัน ซึ่งยังมีค่าทางด่วนหรือแม้แต่  ค่าน้ำเปล่าธรรมดาๆ ที่ต้องเติมให้กับระบบปัดน้ำฝนเป็นต้น   แต่เดี๋ยวก่อน  ถึงแม้ว่าคุณจะจอดไว้กับที่  มันก็มีค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า ค่าเสื่อมที่ต้องจ่ายทุกๆวันเช่นกัน

รายจ่ายทุกๆสัปดาห์ แน่นอนรถวิ่งมันย่อมสกปรก มันก็ต้องล้าง ช่วงแรกคุณอาจจะล้างรถบ่อยครั้งหน่อยเพราะมันอยู่ในช่วง เห่อของใหม่  แต่พอนานเข้า 2 เดือนผ่านไปก็ยังไม่ล้างรถเลย 555

              รายจ่ายทุกๆเดือน สำหรับคนทั่วๆไปแล้ว จำเป็นต้องซื้อแบบใช้เงินผ่อน ก็ต้องจ่ายค่างวดทุกๆเดือน ยกเว้นเสียแต่ว่า คุณจะรวย  แล้วซื้อรถยนต์ด้วยเงินสด

              กริ้ง…. ศูนย์ซ่อมบริการขอให้ นำรถเข้ามาตรวจนะคะ  รายจ่ายทุกๆ 6 เดือนก็วนเข้ามา อันได้แก่ ค่าบำรุงรักษาที่ต้องเข้าศูนย์ซ่อมทุกๆ 6 เดือน  ขั้นต่ำก็ตรวจสภาพทั่วไป เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนกรองน้ำมัน แต่หากอายุของรถยนต์มากขึ้น  มันก็ต้องเปลี่ยนอะไหล่เพิ่มเติม ล้างแอร์ ทำให้การเข้าศูนย์บริการ  ต้องมีค่าบริการที่แพงขึ้นเป็น 4-5 พันบาทต่อครั้ง

              รายจ่ายรอบปี  พอถึงเวลารอบปี ช่วงเดียวกันกับเดือนที่รับรถยนต์  มันช่างเป็นช่วงเดือนที่โหดร้าย  เพราะค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นเป็น 3-4 เท่าตัวของรายจ่ายต่อเดือนปกติ  ไม่ว่าจะเป็นค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์  ค่าพรบ.รถยนต์ ค่าภาษีประจำปี เพียงแค่รถเก๋งธรรมดาๆ ก็ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเสริม  ไว้อย่างน้อยก็ 3 หมื่นบาท   นอกจากนี้เมื่อครบรอบ 3 ปี จะต้องเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ เปลี่ยนล้อยางใหม่ ก็ต้องมีวงเงินบวกเพิ่มอีกเป็นหมื่นๆ

              ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่อยากทำให้รถยนต์ของคุณดูดี จะได้ไปอวดกับเพื่อนๆได้  ไม่ว่าจะเป็นของแต่งเช่น  สเกิต สปอยเรอร์  เครื่องเสียงอันแสนแพง  แล้วแต่สไตล์ของใครของมันเลยคะ

        3. แล้วหากโชคร้าย รถของคุณเกิดอุบัติเหตุ ก็ต้องนำรถไปเคลม ทำให้เสียเวลาและเสียความรู้สึกอีกต่างหาก

       4. รถยนต์มันคือตัวทำลายความฝันและไม่มีเวลาให้ครอบครัว เพราะก่อนจะมีรถยนต์ ก็คิดว่าตัวเอง  จะได้มียานพาหะไปเที่ยว  แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว  ต้องทำงานหนักมากขึ้นต่างหาก  เพราะ ต้องทำโอทีและทำงานแบบไม่มีวันหยุด เพราะกลัวว่า จะไม่มีเงินจ่ายค่างวดและกลัวว่ารถยนต์ของคุณจะถูกยึด

       5. รถยนต์มันคือจุดเริ่มต้นของการก่อหนี้ หากวางแผนการเงินไม่ดี  การหมุนเงินไม่ทัน มันก็จะกลายเป็นการเพิ่มยอดหนี้  แล้วเมื่อคุณหาทางออก  ด้วยการยืมเงินจากแหล่งอื่นๆ กู้บัตรเครดิตบ้าง  กู้เพื่อนๆหรือไม่ก็เป็นหนี้นอกระบบเพื่อไปจ่ายค่างวด   เพราะเกรงว่าตนเองจะเสียหน้า มันก็จะกลายเป็นหนี้สิน  แบบงูกินหางไม่จบไม่สิ้น

 

       ถามตัวเองให้ดีก่อน  ว่าการซื้อรถยนต์คันนี้  มีเป้าหมายและสามารถสนองต่อความต้องการที่แท้จริงหรือไม่  และมันคุ้มค่ากับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นได้หรือไม่  คุณมีรายได้เพียงพอที่จะจ่ายมันหรือไม่

      หากคุณมีรายได้เพียงแค่ ค่าจ้างจากการทำงาน  ด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่จบปริญญาตรีมีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน และยังไม่มีเงินเก็บ ขอให้ยกเลิกความคิด ที่จะมีรถยนต์ ไปก่อนได้เลยครับ เพราะสำหรับค่างวดของรถเก๋งอีโก้คาร์ธรรมดาๆ ก็เกือบหมื่นแล้ว แล้วในระหว่างเดือน จะกินอะไรได้อีกละ ถ้าไม่ใช่มาม่า

       หากคุณเป็นคน ตจว. จุดมุ่งหมายของการมีรถยนต์ก็เพียงแค่ การใช้เดินทางกลับบ้าน ในช่วงเทศกาล  ซึ่งปัจจุบันมันไม่สะดวกสบายอย่างที่คิด  เพราะรถยนต์มันมีมากกว่าถนนแล้ว  ทำให้รถมันติด และใน 1 ปีคุณจะสามารถกลับบ้านได้เพียงแค่ 2 ครั้งโดยประมาณอันได้แก่ ปีใหม่และสงกรานต์ ให้นั่งเครื่องบินเลยดีกว่าครับ เพราะปัจจุบันการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า ราคาตั๋วมันถูกมาก

       และหากเป้าหมายของการซื้อรถยนต์ของคุณคือ ใช้ในการท่องเที่ยว แต่หากคุณซื้อรถยนต์ คุณจะมีโอกาสเที่ยวได้น้อยลง  ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น และภายใน 1 ปี โอกาสลางานไปเที่ยวได้ คงมีไม่กี่ครั้ง   ซึ่งหากต้องการใช้รถยนต์ท่องเที่ยวจริงๆ ก็สามารถเช่ารถยนต์ขับเที่ยวได้  เพราะเดี่ยวนี้มีให้บริการเยอะมาก

       แล้วต้องมีรายได้เท่าใด ถึงจะสามารถซื้อรถได้  แบบไม่เดือดร้อน หากคุณเตรียมเงินดาวน์ไว้ก่อน 25%   สำหรับรถเก๋งราคา 700,000 บาท  ดอกเบี้ย 2% ผ่อนนาน 5 ปี

-ค่างวด 10,000 บาทต่อเดือนโดยประมาณ,

-ค่าภาษี พรบ ประกันรายปี 30,000 บาท = 3,000 ต่อเดือน,

-สมมุติที่ทำงานคุณไม่ไกล ค่าน้ำมัน 2,000 บาทต่อเดือนโดยประมาณ,

– ค่าอะไหล่ 15,000 บาทต่อ3ปี ค่าเข้าศูนย์ 8,000 ต่อปี = 1,000 บาทต่อเดือน

          โอ้วแม่จ้าว  ค่าผ่อนรถยนต์จริงๆ จะตกราวๆ 16,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว ยังไม่รวมค่าแต่งรถ ค่าล้างรถนะ แล้วไหนจะค่าเช่าบ้านค่าอยู่ค่ากิน  ดิฉันคิดว่าต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 25,000  บาทต่อเดือน ถึงจะมีรถยนต์ได้

บทความที่น่าสนใจ   เที่ยวมิลาน อิตาลี ประการณ์ชีวิตที่ได้เห็นสถาปัตย์โบราณ ที่สวยงดงามและยิ่งใหญ่ 

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *