วัดหลวงพ่อโสธร ” หลวงพ่อโสธร ” เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดฉะเชิงเทรา

     วัดหลวงพ่อโสธร กิจกรรมเยอะ

          จากตำนานพระสามพี่น้อง ในสมัยอยุธยาตอนปลาย เมื่อเมืองอยุธยากำลังเผชิญกับข้าศึกที่กำลังเข้ามารุกรานอย่างหนัก  จึงทำให้ผู้คนสมัยนั้นคงคิดอ่านและมองไปในภายหน้าว่ากรุงศรีอยุธยาจะแตกเป็นแน่แท้ เกรงว่าบ้านเมืองจะถูกเผาซึ่งไม่เว้นแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์พระคู่บ้านคู่เมืองก็จะถูกเผาไปด้วย    จึงน่านำเอาพระพุทธรูปต่างๆไปจมลงน้ำเพื่ออําพรางปิดบังศัตรู  เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนกระแสน้ำไหลแรง จึงทำให้พระศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นลอยไปกับกระแสน้ำ   ต่อมามีชาวบ้าน ได้เห็นพระพทธรูป 3 องค์ ลอยขึ้น  จึงพยายามช่วยกันอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง ทั้งการที่จะยกขึ้นบนเรือหรือแม้แต่จะใช้เชือกเส้นใหญ่มัดองค์พระทั้ง 3 องค์อย่างหนาแน่น แล้วใช้ทั้งเรือ และถึงแม้จะระดมแรงงานจากชาวบ้านมาช่วยกันฉุดลากก็ไม่ไหว  ทำอย่างไรๆ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

        จู่ๆ ก็เกิดสิ่งอันน่าอัศจรรย์  กระแสน้ำหมุนวนปั่นป่วน เชือกที่มัดพระพุทธรูปหลุดออก จึงทำให้องค์พระทั้ง 3 องค์จมลงไปกับกระแสน้ำ จนลับสายตาของชาวบ้านไป  จากปาฏิหาริย์จึงสร้างความน่าเสียดายสำหรับคนที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น จึงต่างพากันยกมือทั้งสองข้างขึ้นประนมไหว้จรดศรีษะ พูดกันไปต่างๆนา อาทิเช่น บุญที่มียังไม่เพียงพอที่จะอัญเชิญขึ้นมาได้

         จนกลายเป็นข่าวแพร่กันไปตามหัวเมืองต่างๆ ต่อมาก็ไม่มีใครรู้ว่าพระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้นลอยไปที่ใด จนกระทั้งเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้น 3 เมืองด้วยกันคือ

         องค์หนึ่งลอยไปโพล่ที่คลองบางพลี ชาวบางพลีหลายหมู่บ้านก็พยายามอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นบนบก แต่ก็ไม่สามารถอัญเชิญขึ้นบนบกได้  จนกระทั่งลอยไปถึงบริเวณหน้าวัดบางพลีชาวบ้านหลายพันคนร่วมกันแต่งชุดขาวแล้วทำพิธิอัญเชิญขึ้นมาจากน้ำได้จนสำเร็จ

          องค์ที่สองลอยผุดขึ้นบริเวณบ้านแหลม สมุทรสงคราม มีชาวบ้านตีอวน  แล้วได้องค์พระพุทธรูปหนึ่งขึ้นมา จึงได้อัญเชิญให้ไปประดิษฐาน ณ. วัดบ้านแหลม ซึ่งปัจจุบันคือ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร

          ส่วนอีกหนึ่งองค์ลอยน้ำไปตามแม่น้ำบางปะกง  ผุดขึ้นบริเวณหน้าวัดเสาธงทอน หรือ ” วัดโสธร ”  ( ซึ่งมีเรื่องเล่าขานกันว่า มาของชื่อวัดเสาธงทอนคือ มีเสาธงในบริเวณวัดอันหนึ่งถูกฟ้าผ่าจนทำให้เสาหักลงมา  ถึงแม้จะซ่อมแซมก็ยังมีฟ้าผ่าซ้ำ  ชาวบ้านจึงเรียกชื่อวัดเสาธงทอน แล้วเพี้ยนจนกลายเป็นวัดโสธร)   เมื่อชาวบ้านเห็นองค์พระลอยน้ำอยู่จึงช่วยกันนำเชือกเส้นใหญ่ ไปผูกมัดกับองค์พระพุทธรูป  เพื่อฉุดลากและอัญเชิญขึ้นมาจากแม่น้ำ  แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้

          จึงมีคนเสนอให้ไปตาม ผู้ที่มีวิชาความรู้หรือครูอาจารย์ทางด้านคาถาเวทมนต์ เพื่อมาทำพิธีอัญเชิญองค์พระพุทธรูปขึ้นมาจากน้ำ เมื่อท่านอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ ท่านนั้นทำพิธีกรรมตามธรรมเนียมโบราณ ด้วยการตั้งศาลเพียงตาขึ้น  แล้วนำด้ายสายสิญจน์ไปคล้องที่พระหัตถ์ขององค์พระพุทธรูป ปรากฏว่าสามารถอัญเชิญพระพุทธรูป ขึ้นมาจากน้ำ  เพื่อมาบนฝั่งที่ริมตลิ่งของวัดโสธร จนสำเร็จได้อย่างง่ายดาย  จึงสร้างความแปลกประหลาดใจให้แก่ชาวบ้านและผู้ที่มาพบเห็นเป็นอันมาก เพราะในขณะที่เอาเชือกเส้นใหญ่ไปคล้องผูกมัดเพื่อดึงองค์ท่านขึ้นมา แต่กลับไม่เป็นผลแต่อย่างใด  แต่กลับลอยขึ้นมาฝั่งง่ายๆเพียงแค่สายสิญจน์เส้นเล็กๆ

         เมื่อนำพระพุทธรูปขึ้นมาจากน้ำได้ ชาวบ้านจึง อัญเชิญไปประดิษฐานไว้รวมกับพระพุทธรูป องค์อื่นๆที่มีอยู่ในพระอุโบสถทันที  พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งถูกลงรักปิดทองเอาไว้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวลักษณะขององค์พระพุทธรูปว่า เป็นศิลปะล้านช้างหรือศิลปะของเวียงจันทร์  เพราะการสร้างพระพุทธรูปลักษณะนี้สามารถเห็นได้ทั่วไปที่ล้านช้าง เมืองหลวงพระบาง รวมทั้งเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคแถบนี้ รวมทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือชาวอีสาน ของประเทศไทย

         ต่อมาเกิดโรคภัยร้ายแรงจนชาวบ้านป่วยไข้เป็นอหิวาตกโรคกันมาก “ อหิวาตกโรคคือ อาการท้องร่วงเป็นน้ำ และอาเจียนเป็นหลัก เรียกว่า “ลงราก”  ซึ่งสมัยนั้นไม่มียารักษา”  เมื่อมีผู้ป่วยไปวัด เจ้าอาวาสเห็นว่าไม่เป็นการดีแน่หากปล่อยไว้อย่างนี้ จะมีผู้คนล้มป่วยเป็นจำนวนมาก จึงได้นำดอกไม้ที่ผู้คนนำมาบูชาองค์หลวงพ่อโสธรไปต้มพร้อมกับอธิฐานขอพรจากบุญบารมีขององค์พระพุทธรูป เพื่อใช้ทำเป็นยาให้ชาวบ้านได้ดื่มกิน ปรากฏว่า อาการคนป่วยเริ่มดีขึ้นจนหายเป็นปกติ

            เมื่อข่าวปาฏิหาริย์ถูกเล่าลือกันไปทุกสารทิศ จึงทำให้ชาวบ้านต่างถิ่น พากันมากราบไหว้องค์พระพุทธรูปองค์สำคัญแห่งนี้กันมากมาย

          ” หลวงพ่อโสธร ” หรือ ” หลวงพ่อพุทธโสธร ” เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งมีชื่ออีกอย่างว่า เมืองแปดริ้ว ซึ่งมีผู้รู้เล่าว่า หลวงพ่อพุทธโสธรองค์จริงนั้น สร้างจากทองสัมฤทธิ์ ขนาดองค์เล็ก กว่าที่เห็นกันอยู่ แต่เนื่องจาก องค์หลวงพ่อโสธรเป็นพระพุทธรูปที่งดงาม เกรงว่าจะเป็นอันตราย เพราะอาจจะมีคนใจบาป มาลักขโมยหรือจะกระทำการไม่ดีได้ จึงได้มีการสร้างพระพุทธรูป โดยใช้ปูนปั้นโอบเอาองค์จริงของหลวงพ่อโสธร ให้ประดิษฐานไว้ข้างใน จึงไม่ให้ใครเห็นได้จนบัดนี้.

ในปัจจุบันนี้องค์หลวงพ่อโสธร ถูกประดิษฐาน ในพระวิหารประจำวัด เป็นพระพุทธรูปที่มีหน้าตัก กว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร   โดยที่การสร้างพระวิหารใหม่นี้ สร้างขึ้นโดยที่ไม่ได้มีการเคลื่อนย้าย องค์หลวงพ่อโสธรที่ประดิษฐานเดิมแต่อย่างใด

วัดหลวงพ่อโสธร กิจกรรมเยอะ

สำหรับคนทั่วไปสามารถทำกิจกรรมได้เยอะมาก นอกจากการไปไหว้หลวงพ่อโสธร เพื่อกราบขอพรจากหลวงพ่อและการทำบุญเสริมบารมี  ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย อาทิเช่น  การไปบนบานขอพรและการแก้บน “แต่มีผู้คนเล่ากันว่า ห้ามบนบานในเรื่อง ไม่ขอให้ติดทหารเกณฑ์ เพราะหลวงพ่อท่านชอบทหารมาก”

ในวิหารหลังเก่ามีกิจกรรมติดทองหลังองค์พระปฏิมาและการห่มผ้าองค์พระพุทธรูป กิจกรรมถวายดอกไม้ธูปเทียน ถวายน้ำมันตะเกียง  มีตลาดพระให้เช่า

กิจกรรมทำนายอนาคตด้วยการดูดวงจากการเขย่าเซียมซี  อันนี้ชอบมากขอขยายความนิด

เขย่าเซียมซี ลีลาเด็ด

เสียงต่อไปนี้ คือ เสียงจากการเสี่ยงเซียมซี วัดหลวงพ่อโสธร เมื่อคนเราไม่สามารถล่วงรู้อนาคตได้  แต่สามารถทำนายดวงได้  จากลีลาเหล่านี้

ดูลีลาเขย่าเซียมซีคุณผู้ชายทางซ้าย ครับ กลัวไม้เซียมซีไม่ร่วงจากกระบอก เขย่าเบาๆแต่เอียงกระบอกเซียมซีเยอะมาก ผมช่วยลุ้น  กลัวว่าไม้เซียมซีของเขาจะเทกระจาด  แน่นอนหลังจากได้หมายเลขเซียมซี ก็ต้องมีการตรวจสอบใบเสี่ยงทาย  โดยส่วนใหญ่ใบเซียมชีที่ดวงดี  เราก็จะเก็บไว้เป็นแรงใจ ส่วนใบที่อ่านแล้ว ไม่ดีเท่าไร  ก็จะได้แก้ไขดวงได้  ซึ่งชาวเสี่ยงเซียมซี  ก็จะถือโอกาสไปวัดโสธรนี้   ได้ทำบุญเสริมดวง  หรือบางคนก็แก้ดวง ด้วยการเขย่าเซียมซีครั้งที่สอง

กิจกรรมเสี่ยงเซียมซีนี้ทำได้ทั้งครอบครัวครับ มีคุณพ่อท่านหนึ่งอธิฐานนาน อาจจะขอเยอะจนไม่รู้ว่าหลวงพ่อจะจำได้เปล่า 555  แถมยังมีลูกๆ คอยลุ้น คอยเชียร์ สุดท้ายได้เบอร์ 5   555  เขย่าเซียมซี ลีลาเด็ด การมาครั้งนี้ได้เห็นการแข่งขัน ลีลาเขย่าเซียมซี ระหว่างเด็ก กับผู้ใหญ่  เด็กได้ไม้เซียมซี  2 อัน  ส่วนไม้เซียมซีของผู้ใหญ่ยังร่วง แต่สิ่งที่ร่วงหล่นลงกับพื้นกลับเป็นบางสิ่งจนต้องตามเก็บ   จึงต้องแข่งขันกันในรอบที่สอง  ปรากฏว่า ไม้เซียมซีของผู้ใหญ่ ร่วงทั้งกระบอกครับ 555

        กิจกรรมคลายความเครียดจากการทำงาน เพราะบรรยากาศแม่น้ำบางปะกงหลังวัดที่ดูสงบ อากาศดี มีลมพัดเย็นตลอดเวลา  นอกจากนี้หน้าวัดโสธรยังมีตลาดที่มีของกินของฝากเยอะมาก เยอะหรือไม่ดูในคลิปได้ครับ  และยังมีกิจกรรมดีๆ มีบริการรำถวายแก้บน สำหรับใครที่บนบานเอาไว้ แล้วสมหวังก็มาแก้บนกันไป

 

บทความที่น่าสนใจ  เขย่าเซียมซี ลีลาเด็ดของคนเสี่ยงเซียมซี วัดหลวงพ่อโสธร

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *