สร้างชีวิต กระบวนการพัฒนาชีวิตตนให้มีความสุข เกิดความมั่งคั่งและมั่นคง

      

            จากแนวคิดเชิงระบบคิดเป็นกระบวนการ  ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานทั่วไป ซึ่งเป็นเครื่องมือการศึกษางานทางด้านวิทยาศาสตร์ งานค้นคว้าหรืองานวิจัยและเป็นเครื่องมือในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน  เพื่อปรับปรุงงานและสร้างมาตรฐานให้ดีขึ้น  จากข้อดีของแนวคิดเชิงระบบ จะช่วยทำให้มองภาพรวมกลไกลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะจะทำให้เห็นภาพแห่งความสัมพันธ์ในแต่ละขั้นตอนว่า มีปัจจัยใดองค์ประกอบใดบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

           จะช่วยทำให้เราสามารถโฟกัสไปที่กระบวนการที่สร้างมูลค่าและสามารถขจัดขั้นตอนหรือสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้อย่างถูกต้อง จากประโยชน์และคุณค่าแนวคิดเชิงกระบวนการอย่างมีระบบ สามารถนำมาจัดทำเป็นโมเดลสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งเรียกว่า กระบวนการ สร้างชีวิต เข็มทิศชีวิตสร้างคน แนวคิดการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นมีความเจริญก้าวหน้าใช้ชีวิตประจำได้อย่างมีความสุข อย่างมั่งคั่งและมั่นคง

 

สร้างชีวิต

กระบวนการ สร้างชีวิต

         กระบวนการ สร้างชีวิต หมายถึง แนวคิดเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตจากปัจุบัน ให้เปลี่ยนไปตามความต้องการที่แท้จริงของชีวิตเช่น ปัจจุบันคือคนที่เคยตื่นเช้าไปทำงานทุกวัน แต่ก็ยังมีเงินไม่พอใช้ แถมยังไม่สามารถแบ่งเวลาให้กับตนเองและครอบครัวได้ จึงพัฒนาตนเองด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการหาเงินและไลฟ์สไตล์ เพื่อให้หลุดพ้นจากวัฏจักรการทำงานประจำ ไปเช้า-เย็นกลับ เพื่อสร้างชีวิตได้อย่างมีความสุข

          คนเราทำบุญมาไม่เท่ากัน บุญในที่นี้หมายถึง ต้นทุนชีวิตที่ประกอบไปด้วยปัจจัยมากมายเช่น ฐานะทางการเงิน ทุนด้านการศึกษา ประสบการณ์ชีวิต การเรียนรู้  พรสวรรค์ ทัศนคติ ความคิดและความเชื่อมั่นในความสามารถ ฯลฯ  บางคนเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่บางคนเกิดจากครอบครัวที่ยากจน

          ไม่ว่ายากดีมีจนปัจจัยเหล่านี้สามารถสร้างมันได้ด้วยสองมือ ถึงแม้คนที่มีบุญน้องกว่าจะต้องทำงานหนักมากกว่า ต้องมุ่งมั่น ต้องมีความหวัง มีความเพียร ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินได้เช่นเดียวกับคนที่มีบุญมาก

          กระบวนการต่อไปจากนี้คือ วิธีการสร้างบุญ ด้วยตนเองเป็นการพัฒนา ซึ่งมีจุดเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนความคิด ” ความคิดเปลี่ยน  การกระทำเปลี่ยน ผลลัพธ์ก็เปลี่ยน”  ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คิดเสมอว่าเราคือผู้ออกแบบชีวิตได้ด้วยตัวเราเอง เราคือผู้รับผิดชอบที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจ เพราะการเป็นคนไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาชีวิต สักวันจะทำให้เราเป็นผู้กำชัยชนะและเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ

กระบวนการสร้างชีวิต มีดังนี้

              1. ตั้งเป้าหมายชีวิต  สิ่งแรกที่เราควรให้คำมั่นสัญญากับตนเองคือ ความชัดเจนในเป้าหมายชีวิตซึ่งต้องตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง เพราะคนที่ทำอะไรโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้รับอะไรเป็นสิ่งตอบแทน ซึ่งเรียกว่าไร้จุดมุ่งหมาย จะทำให้สูญเสียทั่งโอกาสและสูญเสียเวลา แต่สำหรับคนมีเป้าหมายยิ่งใหญ่ จะกลายเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจ สามารถเรียกความเชื่อมั่นและมีพลังพลานุภาพจากจิตใจ จะผลักดันตนเองให้กลายเป็นคนพากเพียร มีความมุ่งมานะ และลงมือทำให้บรรลุตามเป้าหมายได้ มีกำลังใจในการต่อสู่เพื่อเอาชนะปัญหาอุปสรรค โดยไม่ย่อท้อต่อความผิดพลาดและการตัดสินใจที่ล้มเหลว แต่จะใช้ความล้มเหลวเป็นบทเรียนเพื่อเรียนรู้ และทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม

              วิธีการตั้งเป้าหมายชีวิตต้องกล้าคิดการใหญ่ ต้องชี้วัดได้ มีความเป็นไปได้ สำเร็จได้และต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน  การตั้งเป้าหมายแล้วจินตนาการภาพแห่งผลลัพธ์แห่งความสำเร็จเป็นเคล็ดลับการป้อนพลังเชิงบวกให้แก่จิตใต้สำนึก เทคนิคคือการเขียนเป้าหมายที่เราต้องการลงกระดาษแล้วนำไปติดข้างผนัง หลังจากนั้นมองมันทุกวัน เพื่อกระตุ้นตนเองโน้มน้าวตัวเองให้เกิดขวัญกำลังใจให้เกิดขึ้นได้จากตนเอง

             ข้อดีของจิตใต้สำนึก จะไม่สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดเกิดขึ้นจริงหรือเป็นภาพจากจินตนาการ ดังนั้นภาพแห่งความฝันที่เราจดจำ  จิตสำนึกมันจะรับรู้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับชีวิตของเราแล้ว อยากให้ชีวิตตนเองเป็นอย่างไร เขียนเป้าหมายออกมาให้มากที่สุดแล้วเลือกเอาสิ่งที่เหมาะสมที่สุด

 

               2. สำรวจสภาพชีวิตปัจจุบัน สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ความรู้ในการลงทุน เพื่อประเมินช่องว่างระหว่างเป้าหมายกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่นั้นคือ บุญ ที่ตัวเราเองเป็นผู้สร้าง เริ่มต้นจากการค้นหาคุณสมบัติคนที่จะประสบความสำเร็จให้ได้ตามเป้าหมาย  ด้วยการเปรียบเทียบกับคนที่เป็นโมเดลแห่งความสำเร็จในด้านต่างๆ ที่เคยได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จมาแล้ว อาจจะใช้เทคนิคการอ่านหนังสือชีวประวัติ ฟังสัมมนา พูดคุยกับกูรูโดยตรง ฯลฯ หลังจากนั้นค้นหา จุดเด่นในตนเองที่สามารถพัฒนาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แล้วจึงค่อยไปค้นหาข้อด้อยเพื่อปรับปรุงมันให้ดีขึ้น

              สิ่งที่ต้องประเมินอีกอย่างคือ การประเมินอาชีพที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันว่า มันสามารถช่วยทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่  เช่นหากต้องอิสรภาพด้านการเงิน ก็จะต้องทำงานด้านการลงทุน หรืออาชีพที่สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income  อย่าลืมเขียนทุกอย่างลงบนกระดาษ

 

               3. การค้นหาวิธีการสร้างเงินหรือ การค้นหาอาชีพที่ตอบสนองต่อเป้าหมาย  เราไม่สามารถเลือกประกอบอาชีพที่ชอบได้เสมอไปเพราะอาชีพที่ชื่นชอบบางอย่างให้ค่าตอบแทนน้อย  ได้เงินไม่พอใช้ และทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่มีอำนาจทางการเงิน ก็ควรค้นหาอาชีพที่ใช่  ที่สามารถสร้างเงินและให้อิสรภาพได้ จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้ แล้วค่อยไปทำอาชีพที่ชอบในภายหลัง

             จงตระหนักเสมอว่านี่คือ ตัวเรา  เราคือคนที่ต้องรับผิดชอบชีวิต ต้อทำให้ชีวิตมีความสุข ไม่ใช่ ปล่อยให้สิ่งแวดล้อมอย่างมาอื่นบ่งการชีวิต ” ทำความเข้าใจกับกฎของธรรมชาติว่า คนที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพใดๆ จะต้องเป็นคนที่อยู่ในลำดับต้นๆของอาชีพนั้นๆ  เช่นการจะเป็นคนที่มีรายได้จากงานประจำในจำนวนมากๆ จะต้องเป็นกรรมการบริษัท ไม่ใช่กรรมกร เป็นเจ้านายไม่ใช่ ลูกน้อง แล้วถ้าจะให้ดีควรเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ ลูกจ้าง”

            หากอาชีพที่ทำอยู่ ไม่สามารถพัฒนาให้ถึงเป้าหมายได้ ควรเปลี่ยนวิธีหรือเปลี่ยนอาชีพ เปิดใจเพื่อมองหาโอกาส แล้วเรียนรู้อาชีพใหม่ที่ใช่  กล้าเปลี่ยนแปลงชีวิตออกจาก Confront Zone ศึกษาวิธีการใหม่ๆ มองหาอาชีพที่สามารถตอบสนองเป้าหมายของชีวิตได้เช่น เรียนรู้วิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income ซึ่งเป็นรูปแบบของรายได้อย่างหนึ่ง ที่สามารถให้อิสรภาพทางการเงินได้

             หมายเหตุ หากไม่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ แต่ก็ต้องรู้จักการจัดการด้านการเงิน  แบ่งเงินรายได้ไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้แบบ Passive Income ซึ่งมนุษย์เงินเดือนก็สามารถทำได้ โดยเริ่มต้นจากการใช้แรงงานเพื่อแลกกับเงิน หลังจากนั้นนำเงินที่ได้ไปลงทุนซื้อทรัพย์สินเช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ สร้างบ้านคอนโดให้เช่า ฯลฯ เพื่อให้สินทรัพย์ทำงานสร้างเงิน เมื่อได้เงินมากกว่าค่าใช้จ่าย นั้นแหละอิสรภาพทางการเงิน

 

             4. ประเมินความเป็นไปได้ ของอาชีพใหม่  แม้ว่าความรู้จะเป็นยาวิเศษ แต่การไม่รู้ตนเองคือ จุดจบของชีวิต เพราะการเปลี่ยนแปลงชีวิตไม่ขึ้นอยู่ที่ใคร แต่อยู่ที่ตนเอง ดังนั้นการประเมินความเป็นไปได้ ตัวเราคือผู้ที่รู้ดีที่สุด

             คำนึงถึงบุญกรรมที่มี ประเมินจุดแข็ง-จุดด้อยของตนเองให้สอดคล้องกับเป้าหมายและสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน มองพื้นฐานของตนเอง ประเมินความสามารถและศักยภาพที่ตนเองมีอยู่ ข้อจำกัด และความเป็นไปได้

             ข้อจำกัดของเรามีหลายด้านด้วยกันเช่น  1) ข้อจำกัดด้านเวลาเราแก่เกินไปหรือไม่ สำหรับงานที่ท้าทายและมีความเสี่ยงสูง  2) เรามีพรสวรรค์เพียงพอหรือไม่ หมายถึง ความจำกัดด้านร่างกายที่ไม่สามารถแก้ไขได้เช่น อยากเป็นนักกีฬาเทนนิส แต่แขนขาพิการ 3) ข้อจำกัดด้านเงินทุน การทำธุรกิจหรือการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก เรามีหนทางในการหาแหล่งเงินมาลงทุนได้หรือไม่

 

                5. ลุยและทำอย่างตั้งใจ เมื่อได้อาชีพที่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตแล้ว ควรสร้างแผนปฏิบัติ Action Plan  และที่สำคัญต้องรู้ว่าจะได้อะไร จากลงมือทำในแต่ขั้นตอนจนสำเร็จ นั่นคือเป้าหมายย่อย แผนในแต่ละขั้นตอนต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน เพื่อประเมินความสำเร็จในสิ่งที่กำลังทำ  ว่ายังเป็นไปตามแผนอยู่หรือไม่ เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนวิธีการได้ทันกับสถานการณ์

               ซึ่งในแต่ละขั้นของการปฏิบัติ ต้องมีองค์ความรู้  “ การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ในสิ่งที่กำลังก่อนลงมือทำให้แตกฉาน  ”  เคล็ดลับคือ การเลียนแบบคนประสบความสำเร็จ ทั้งแนวคิดและวิธีการลงมือทำ เป็นการคัดลอกและประยุกต์ใช้ เช่น หากจะเป็นนักลงทุนในหุ้น ต้องมีความรู้ด้านวิเคราะห์การเงิน การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน สามารถวิเคราะห์แนวโน้มด้านเทคนิค การประเมินราคาของหุ้นและรู้จังหวะการซื้อ-ขาย โดยศึกษากับกูรูหุ้น

              เมื่อมีความรู้แล้วให้ลงมือทดสอบกับของจริงได้  ลงมือทำด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ มีมานะอดทน เชื่อมั่นและศรัทธาในศักยภาพที่ตนเองมี

 

           6. เรียนรู้และเปลี่ยนแปลง คนที่ประสบความสำเร็จจะมองเห็นการเติบโต มีความยืดหยุ่น คิดบวกได้ทั้งสิ่งที่เป็นบวกหรือเป็นลบ ทุกๆครั้งที่ล้มเหลวพ่ายแพ้ไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจะเรียนรู้จากความผิดพลาด  ใช้ความผิดพลาดกลายเป็นบทเรียน เพื่อสร้างความพร้อม สำหรับโอกาสครั้งถัดไป หากไม่ประสบความสำเร็จพวกเขาจะพัฒนาปรับปรุงแก้ไขปัญหา จะไม่จมอยู่กับปัญหา ไม่ท้อแท้สิ้นหวัง

           ประเมินในสิ่งที่ทำ หากรู้ว่าสิ่งที่ทำไม่สามารถตอบสนองต่อเป้าหมาย พวกเขาจะเปลี่ยนวิธีการ แต่ไม่เปลี่ยนเป้าหมาย

 

         7. ฉลองให้กับความสำเร็จ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจ ให้ตึงตราอยู่ภายในใจ ความมั่นใจจะสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นตนเองให้มีแรงบันดาลใจ การฉลองให้กับความสำเร็จขั้นหนึ่ง สามารถสร้างขวัญกำลังใจและพลักดันพลังภายใต้จิตสำนึก ให้เผชิญกับปัญหา จนไปสู่ความสำเร็จลำดับขั้นถัดไปได้

         การฉลองให้กับความสำเร็จ จะเพิ่มพลังแห่งเชื่อ ความศรัทธาในตนเองได้มากยิ่งขึ้น เป็นการกระตุ้นพลังแห่งความกล้า กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ กล้าริเริ่มโครงการใหม่ๆ วิธีการง่ายๆคือ ทุกๆขั้นของความสำเร็จควรให้รางวัลกับตนเอง ไม่ว่าจะความสำเร็จนั้น จะเล็กน้อยหรือจะยิ่งใหญ่เช่น สามารถเอาชนะตนเอง ตื่นนอนก่อน 6.00 น.ซึ่งไม่เคยทำได้มาก่อน  ด้วยซื้อของอร่อยๆ ให้กับตนเอง

 

               8. เป็นผู้ให้ คนรวยและดี มักจะเป็นผู้ให้ก่อนที่จะได้รับเสมอเช่น ก่อนที่จะขายสินค้าให้คนอื่น ต้องทำสินค้าที่มีคุณภาพและมีปริมาณที่เหมาะสมกับราคา จึงทำให้ผู้ซื้อยินดีที่จะจ่ายเงิน  การเป็นผู้ให้ก่อนจะได้รับสิ่งตอบแทนที่มีมูลค่ามากกว่าสิ่งของที่ให้เช่น การช่วยเหลือสังคมของบริษัทใหญ่ๆ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจำตราสินค้าของพวกเขาได้

                  การให้ด้วยวิธี ถ่ายทอดความสำเร็จ ก็จะสร้างความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น เพราะก่อนที่จะเป็นครูใครได้ต้องมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญมากกว่าผู้อื่นเสมอ ผู้ให้ย่อมได้รับความสุขด้านจิตใจควบคู่ไปด้วย ได้รับทั้งการเคารพและยกย่องชื่นชม

 

                9. ต้องสร้างเครือข่าย การสร้าง Connection และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่ประสบความสำเร็จ  จะช่วยให้ตนเองสามารถพัฒนาทักษะความสามารถได้หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น เพราะเครือข่ายจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน มีการพัฒนา เป็นระบบ มีความมั่นคงและยั่งยืน

                 ประโยชน์การสร้างเครือข่าย ช่วยสร้างอำนาจการต่อรอง เครือข่ายสามารถป้องกันภัยคุกคามและอำนาจด้านลบจากภายนอกได้  เครือข่ายช่วยให้เรามีที่ปรึกษาดี ดังนั้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน มีเครือข่ายช่วยสร้างความมั่นคงนั่นเอง

 

              10. สร้างโมเมนตัม นั้นคือวิธีการกระจายแรงเช่น ใช้ความสำเร็จของตนเองเป็นโมเดล แล้วสร้างเครือข่ายลักษณะใยแมงมุม เพื่อถ่ายทอดวิธีการ โดยค้นหาวิธีสร้างความสำเร็จให้ง่ายและทำซ้ำได้  หลังจากนั้น “ ก็จะเกิดเป็นโมเมนตัมจาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4….  เทคนิคการถ่ายทอดความสำเร็จคือ การเป็นแบบอย่างที่ดี  จะช่วยให้ลูกทีมเกิดการเลียนแบบ โคลนนิ่งเป็นทอดๆไปเช่น อยากให้ลูกคุณตื่นเช้า คุณต้องตื่นเช้ากว่า ต้องการให้ทีมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง 2 หน้าต่อวัน คุณต้องอ่าน 10 หน้าต่อวัน

         กระบวนการ สร้างชีวิต เป็นวิธีคิดเชิงระบบ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิต  โดยมองภาพรวมการดำเนินชีวิตของคนทั่วไป ถึงมนุษย์ไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่สามารถเลือกรูปแบบในการดำเนินชีวิตได้  สามารถลิขิตวิถีชีวิต ชีวิตเราสร้างได้

บทความน่าสนใจ ใช้เงินทำงาน วิธีสร้างรายได้สร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ที่มนุษย์เงินเดือนต้องรู้

 

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *