แนวคิดเปลี่ยนชีวิต แบ่งปันความคิดจากคนที่ประสบความสำเร็จ BRIAN TRACY

            คนเราโดยส่วนใหญ่จะมองเฉพาะความสำเร็จผลลัพธ์ของคนอื่นที่ประสบความสำเร็จ มากกว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นระหว่างการเดินทางของพวกเขา  ซึ่งไม่รู้ได้เลยว่าคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้น  จะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วย อะไรบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายเหมือนกันสิ่งที่เราคิด เปลี่ยนทรรศคติจากวิธีคนของผู้ประสบความสำเร็จ

 11 แนวคิดเปลี่ยนชีวิต ดังนี้

แนวคิดเปลี่ยนชีวิต

แนวคิดเปลี่ยนชีวิต

  1. ขีดความสามารถของทุกๆคนไร้ขีดจำกัด ทุกๆสิ่งที่คนอื่นทำได้ เราทำได้

     ผลดีของการลงมือทำจนประสบความสำเร็จบ่อยครั้งขึ้น จะสามารถพัฒนาทักษะความสามารถและทำให้เรามีพลังมีความเชื่อมั่นมากขึ้น จึงสามารถทำสิ่งที่ยากขึ้นให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น สามารถย่นระยะเวลาในการทำสิ่งเดิมให้เร็วและมีผลผลิตมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

  1. แนวคิดเปลี่ยนชีวิต ตัวเราเองคือผู้ลิขิตชีวิต

     ตัวเราคือคนที่ต้องรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนเอง การคิดว่ารอให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นแล้ว ชีวิตจะดีขึ้นเองนั้นไม่มี  เพราะการเปลี่ยนแปลงคนอื่นหรือสิ่งต่างนั้นๆเป็นเรื่องไม่ง่าย สิ่งแรกที่เราต้องทำคือเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ที่ตัวของเรา แล้วสิ่งอื่นๆจะค่อยๆเปลี่ยนไปตามที่เราต้องการ หากชีวิตในปัจจุบันมันไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ อย่ามัวแต่โทษสิ่งนั้นสิ่งนี้ จงตั้งเป้าหมายแล้วลงมือตามแผน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  เพราะตัวเราเองคือคนที่กำหนดชีวิต

  1. ใช้ความฝันเป็นแรงกระตุ้นและสร้างความทะเยอทะยาน

      คนที่ไม่มีความฝันคือคนที่ไร้ซึ่งจุดมุ่งหมายในชีวิต พวกเขาจะปล่อยให้อนาคตมันผ่านไปกับกาลเวลา  แต่สำหรับคนมีฝันพวกเขาจะไม่หยุดนิ่ง ถึงแม้ว่าการลงมือทำตามความฝันในบางครั้ง อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่พวกเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ จงตั้งเป้าหมายให้ยิ่งใหญ่เพราะพลังงานของมันจะถ่ายทอดไปยังจิตใจไม่ให้ล้มเลิกอะไรง่ายๆ

  1. โฟกัสที่ความสามารถและทักษะที่มีอยู่ในตัวแล้วเอาไปสร้างคุณค่า

            เราทุกคนย่อมมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง จงค้นหาสิ่งที่ดีที่สุด แล้วพุ่งเป้าหมายไปที่ความสามารถหรือความถนัดของตนเอง เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆจากความสามารถพเศษที่จะทำให้เกิดความสำเร็จในชีวิต เพราะการส่งเสริมจุดเด่นจะเสียเวลาน้อยกว่าการขจัดจุดด้อย  แต่เมื่อประสบความสำเร็จแล้วจึงค่อยย้อนไปปรับปรุงข้อเสียของตนเอง แนวคิดเปลี่ยนชีวิต

แนวคิดเปลี่ยนชีวิต

  1. ใช้ฝันเป็นเข็มทิศนำทาง

   การมีฝันที่ยิ่งใหญ่อย่างชัดเจนจะกลายเป็นเข็มทิศ เพื่อการก้าวเดินไปข้างหน้า มองข้ามปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้ การตัดสินใจ จะสร้างพลังแห่งความมุ่งมั่นซึ่งเป็นพลังบวกในการกระตุ้นตนเอง โดยไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลว แต่ความล้มเหลวเหล่านั้นมันจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนตนเองไปยังจุดมุ่งหมาย

  1. ฝึกตัดสินใจ

     ทักษะที่สำคัญสำหรับความก้าวหน้าในชีวิตคือ ความหนักแน่และนความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ แล้วลงมือทำสิ่งต่างๆ ให้บรรลุจุดประสงค์ ข้อดีของการฝึกตัดสินใจคือ การยอมรับในความพ่ายแพ้และการเรียนรู้ เพราะเราต่างรู้ดีว่าไม่สามารถทำสิ่งต่างๆให้ประสบความสำเร็จได้ตลอดไป แต่การตัดสินใจที่ดีจะช่วยเพิ่มและสามารถพัฒนาตนเองได้

  1. เชื่อมั่นในความสามารถของตน

     ทัศนคติความเชื่อเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ทั้งชีวิต ซึ่งเกิดจากการรับสิ่งเล้าทุกๆสภาวะที่เราได้เรียนรู้  ตั้งแต่ในครรภ์ เจริญเติบโตมีชีวิตอยู่กับกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว หากพื้นฐานเหล่านั้นไม่สมบูรณ์จะบั่นทอนความเชื่อมั่น  แต่ขอให้มั่นใจว่า คนเราทุกๆคนมีความสามารถมีทักษะเพื่อบรรลุเป้าหมายได้

  1. . ทำทันที่

     ความสำเร็จทุกๆเรื่องจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อลงมือทำ อย่าได้แต่ตั้งเป้าหมายและวางแผนเท่านั้น เพราะเวลาจะเดินไปข้างหน้าเสมอ เมื่อปัจุบันผ่านไปก็จะกลายเป็นอดีต อนาคตก็ไม่สามารถทำนายได้จะมีจริงหรือไม่ คิดอะไรตั้งเป้าหมายจะทำอะไรให้ลงมือทำทันที

  1. เปรียบเทียบเป้าหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

    เพื่อวัดความคืบหน้าในการมุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายของชีวิต  ว่าสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันมันสอดคล้องกับแผนและเป้าหมายหรือใม่  รวมถึงการคาดการณ์ได้ว่า จะสามารถทำสำเร็จตามแผนได้อยู่หรือไม่  จะได้รู้ว่าต้อง ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน ปรับปรุงสิ่งต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ตรงกับเวลาที่กำหนดไว้

  1. เรียนรู้จากปัญหาอุปสรรค

    ผลแห่งความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่รางวัลเพียงเท่านั้น  แต่เราสามารถวัดได้จากความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ  ข้อเท็จจริงพบว่าขนาดของอุปสรรคย่อมสอดคล้องกับคุณค่าแห่งความสำเร็จ  เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ย่อมมีอุปสรรคที่ท้ายทายมากกว่า เป้าหมายที่เล็ก ความสำเร็จหรือแม้แต่ความล้มเหลวจากการแก้ไขปัญหาจะเป็นการฝึกฝนและพัฒนาทักษะ ให้เกิดความชำนาญมากยิ่งขึ้น

แนวคิดเปลี่ยนชีวิต

  1. มีความเป็นมืออาชีพในสิ่งที่ทำ

คนที่ประสบความสำเร็จในวงการต่างๆ นั้นคือ คนที่สามารถผลักดันตนเองให้ขึ้นไปอยู่ลำดับต้นๆ หรืออยู่ 1 ใน 5 บนสุดของวงการ ซึ่งการที่จะขึ้นไปบนนั้น คุณต้องมีความสามารถเหนือคนอื่นๆ มีความรู้ความสามารถ มีทักษะมีความเชี่ยวชาญพิเศษ   ดังนั้นเราต้องค้นคว้าหาความรู้จนตกผลึกในสิ่งที่กำลังลงมือทำ

  1. คบหาบัณฑิต

     คนที่มีพลังเหมือนกันจะช่วยเสริมพลัง แต่พลังที่ตรงกันข้ามกันจะลบล้างกัน ทำลายความสำเร็จ และความสำเร็จเพียงแค่การอาศัยความสามารถของตนเองจะก้าวไปได้ใกล้กว่า  การแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญซึ่งกันและกันหรือการทำงานเป็นทีม  แต่การมีทีมนั้นต้องค้นหาคนที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง มีความคิดดีสามารถแยกแยะความถูกต้องและชอบธรรมได้ เพราะบัณฑิตต้องเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง

  1. คิดก่อนทำ

      ผลแห่งกรรมจากการกระทำสะท้อนไปภายหลังจากสิ่งที่ได้ทำไป ใครที่คิดหน้าคิดหลังมีความละเอียดรอบขอบ มีการวางแผนและการเตรียมความพร้อมได้เป็นอย่างดี ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่า การลงมือทำโดยไม่คิดวิเคราะห์

  1. รู้คุณค่าของเวลา

     คนที่ขาดการบริหารจัดการด้านเวลา มักใช้คำว่า ไม่มีเวลาเพื่อเป็นข้ออ้างในสิ่งที่ไม่ต้องการลงมือทำ ทุกๆคนมีเวลาเท่ากันที่ 24 ชั่วโมงต่อวัน ขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถใช้เวลาให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากกว่า  คนที่ทำงานมีประสิทธิภาพจึงใช้เวลาได้คุ้มค่ามากกว่า  ได้ผลผลิตต่อหน่วยเวลาได้มากกว่า  แต่ก็ไม่ลืมคุณค่าของผลผลิตด้วยเช่นกัน  ถึงแม้ว่าคนที่กำลังลงมือทำสิ่งที่ให้ผลตอบแทนมากแต่อาจใช้เวลามากกว่าเล็กน้อย ก็แสดงว่าใช้เวลาคุ้มค่ากว่าคนที่ได้ปริมาณการผลิตมากแต่คุณค่าผลผลิตต่ำ   ดังนั้นควรประเมินคุณค่าของผลลัพธ์ในสิ่งที่ทำกับการสูญเสียเวลา จัดลำดับการทำงานให้เหมาะสม ลงมือทำทุกอย่างให้เต็มที่และมีคุณภาพมีประสิทธิภาพสูงสุด

  1. ประเมินความฝันอย่างต่อเนื่อง

     เพื่อตรวจสอบว่าตนเองยังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งเป้าหมายหรือสิ่งที่ฝันอยู่หรือไม่  หากรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่สามารถตอบโจทย์ ก็ควรปรับเปลี่ยนวิธีการแต่ก็ไม่ควรเปลี่ยนเป้าหมาย และหากรู้ว่าตนเองกำลังเดินอยู่บนแผน ก็ควรใส่กำลังความสามารถใส่ความพยายามทุ่มเทสรรพกำลังที่มี สุดท้ายแล้วเราจะได้รับผลประโยชน์จากความสำเร็จแน่นอน

  1. จินตนาการผลลัพธ์หรือความคาดหวังจะได้รับสิ่งต่างๆเมื่อประสบความสำเร็จ

     ความชัดเจนจากภาพแห่งจินตนาที่เป็นผลลัพธ์ของความคาดหวัง คือการป้อนพลังบวกให้กับจิตใต้สำนึก เพื่อผลักดันจิตสำนึก ให้กลายเป็นพลังที่สามารถกระตุ้นตนเองทำสิ่งต่างๆให้ประสบความสำเร็จ

  1. กระตุ้นพลังบวกจากพลังจิต

     พลังอยู่ภายใต้ตัวคุณ เมื่อถูกปลดปล่อยออกไปมัน จะเป็นคลื่นพลังไฟฟ้าอ่อนๆเพื่อไปจับคู่สิ่งที่เหมือนๆกัน  เมื่อเราคิดบวกพลังที่ปล่อยออกไปนั้น ก็จะเป็นคลื่นพลังพลังเพื่อไปจับคู่กับคนที่มีพลังบวกด้วยกัน แสดงว่าเรากำลังจะพบแต่สิ่งที่ดี และมีโอกาสประสบความสำเร็จ ตรงกันข้ามหากคุณปล่อยพลังลบออกไป มันก็มักจะไปจับคู่กับความล้มเหลว  ดังนั้นให้ฝึกคิดบวกเชิงสร้างสรรค์ เคล็ดลับคือ การใช้คำพูดบวกบอกกับตนเองทุกๆวัน เช่น ฉันเก่ง ฉลาด เท่ห์สมาท เป็นต้น

  1. ยืดหยุ่นแต่ไม่ท้อถอย

    สำหรับการต่อสู้กับปัญหาอุปสรรค ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างเป็นองค์ประกอบเช่น เวลา เงินทองหรือเพื่อนร่วมงานที่มีทักษะความสามารถมาเป็นแรงสนับสนุน  ในระหว่างที่เผชิญกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นเราอาจจะท้อแท้ไปบ้าง เครียดกับสิ่งเหล่านั้นบ้าง เราต้องยืดหยุ่นแล้วจึงกลับไปตั้งสติ แล้วกลับไปสู้มันอีกครั้ง  แนวคิดเปลี่ยนชีวิต

  1. อย่าหยุดคิดสร้างสรรค์

    พระเจ้าให้พรแก่เราทุกๆคนมาเท่าๆกัน ซึ่งในวัยเด็กเราจะมีความคิดมีความฝันอยากทำสิ่งต่างๆมากมาย  บางคนก็อยากทำอาชีพพยาบาล อยากเป็นหมอบ้างละ  แต่พอโตขึ้นจำนวนความฝันของเรามันลดลง  เพราะเรามักยอมจำนนต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป  ซึ่งมันถูกปิดกั้นจากความคิดว่า  มันไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ความฝันจึงถูกจำกัด ในบางครั้งเรายังไม่ได้ลงมือทำแต่ก็ยอมแพ้ยกเลิกฝันนั้นไป อย่าหยุดฝัน

  1. ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่าล้มเลิก

     พลังแห่งความสำเร็จคือ การลงมือด้วยความทุ่มเทสรรพกำลังความสามารถ ทำทุกๆวัน ด้วยการมุ่งหน้าไปหาเป้าหมาย  ใช้ผลลัพธ์แห่งเป้าหมายเป็นที่ยึดเหนี่ยว เพื่อกระตุ้นพลังแห่งการมุ่งมานะ ลงมือทำด้วยความเพียรพยายาม

  1. พากเพียร

    การทุ่มเทความรู้ความสามารถ โดยไม่ลดละความพากเพียร ก็คงจะเข้าสู่เส้นชัยแห่งความสำเร็จ แนวคิดเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยน

บทความที่น่าสนใจ  เพียงพอ สร้างความสุขได้ง่ายๆ เพียงแค่ทำตามคำสอนของพ่ออยู่หัว

คลิปพัฒนาตนเองในการทำงาน https://www.youtube.com/watch?v=hc8YBTu7vVM

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *