เวลา มีค่า เวลาคือสิ่งสำคัญและเป็นต้นทุนชีวิตสำหรับมนุษย์ที่ไม่สามารถเรียกคืนได้

สมมุติว่าสามารถย้อนเวลาได้ คุณอยากจะทำอะไร

         แทบไม่น่าเชื่อว่า เราทุกๆคนย่อมมีเรื่องบางเรื่องที่เคยทำไม่ถูกต้องไว้ในอดีตอย่างแน่นอน บางเรื่องอาจทำให้คุณเสียใจมาจนถึงทุกๆวันนี้ เช่น การทำให้คนสำคัญต้องเสียใจ หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดบางอย่าง จนทำให้ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จได้อย่างที่วาดฝัน หรือแม้จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ต้องยอมแลกบางอย่าง หรือกว่าจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยเวลา เพราะเรื่องที่ประสบความสำเร็จกลับไม่มีคนรัก ได้อยู่ดูความสำเร็จและมีความสุขไปด้วยกันได้ ล้วนมาจาก ความสำคัญของเวลา   จึงกลายเป็นที่มาของคำถามว่า ” เวลา มีค่า เท่าไร “

           คุณค่าของเวลานั้นยากที่จะประเมินได้และค่าของเวลาเอง ก็ยังสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเวลาเป็นต้นทุนชีวิตที่ไม่สามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ได้

           สมมุติหากมีใครสักคนหนึ่งสามารถสร้าง Time Machine ในนิทานให้เป็นจริงได้ โดยที่เจ้า Time Machine นี้สามารถหยุดหรือย้อนเวลาได้ เพื่อจะได้กลับไป แก้ไขความผิดพลาดในอดีต แล้วเปลี่ยนแปลงสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นด้านดี  ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนคนทั่วไป จนถึงระดับอภิมหาเศรษฐี ก็คงต้องการใช้มัน และเจ้าเครื่องนี้คงมีมูลค่ามาก คนประดิษฐ์ หรือคนที่สร้าง Time Machine คงเป็นชุบเปอร์อภิมหาเศรษฐี  เพราะเจ้าเครื่องนี้สามารถทำให้ใครๆ ไม่ต้องโศกเศร้าเสียใจ

            แต่เป็นน่าเสียดายจริงๆ ที่เจ้า Time Machine ยังไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงแค่เรื่องในจินตนาการเพ้อฝันและมันคงไม่มีความเป็นไปได้  หรืออาจจะมีใครหลายๆคน ได้ยินเรื่องเล่าขานว่า คนนั้นคนนี้สามารถระลึกชาติได้ สามารถรู้ได้ว่าชาติก่อนตนเองเคยเป็นใคร แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตในปัจจุบันได้

เวลา มีค่า

      เวลา มีค่า นี่ความสำคัญของเวลา  

       แต่ละคนคงให้ความสำคัญและคุณค่าของเวลาได้ไม่เท่ากัน เช่นในช่วงเวลาที่เรารีบเร่ง เพียงแค่เสี่ยววินาทีของการตัดสินใจ ก็สามารถพลิกระหว่างสิ่งที่เป็นประโยชน์-เสียประโยชน์, ความเป็น-ตาย, ความล้มเหลว-สำเร็จ ได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้

• เวลาสำหรับการตัดสินการเป็นพนักงานดีเด่นประจำเดือน โดยการตัดสินจากการตอกบัตรเข้างาน เช่น การที่พนักงานคนหนึ่งจะได้รับเบี้ยขยันประจำเดือนหรือไม่นั้น จะต้องไม่ขาด ลางาน และไปทำงานสาย  แล้วหากคุณไปทำงานสายเพียงแค่ 1 นาที  นั้นหมายถึงคุณอดที่จะได้รับเบี้ยขยัน

• เวลาที่ต้องตัดสินใจการลงทุนครั้งสำคัญเช่น การตัดสินใจที่จะนำเงินทุนทั้งก้อนไปซื้อหุ้น ที่คิดว่าเป็นหุ้นดีหรือบริษัทดีแล้ว และภายใต้เสี้ยววินาทีของการตัดสินใจ จะทำให้เรากลายเป็นคนรวยหรือจนได้เช่นกัน หากหุ้นที่เราซื้อนั้นกำลังอยู่ยอดดอยหรือจุดของราคาที่ต่ำที่สุด

• เพียงแค่เสี้ยววินาทีของการตัดสินใจที่ผิดพลาด นั้นหมายถึงชีวิตทั้งชีวิต สำหรับคนที่ตกอยู่ภาวะท้อแท้สิ้นหวัง แล้วคิดทำร้ายตัวเอง

• เวลาสำหรับการตัดสินใจที่หมายถึงการใช้ชีวิตทั้งชีวิต เช่น กำลังมีคนมาขอคุณแต่งงานและในเสี่ยวเวลาของการตัดสินใจครั้งสำคัญนั้น  หมายถึงคุณจะต้องเดินทางร่วมทุกข์และสุขกับคนอีกหนึ่งคน

• ในเวลาที่เรารอดพ้นจากเหตุการณ์ที่เกือบเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นสาหัส แขนขาขาดหรือสิ้นชีวิต นั้นคือเวลาของการโกงชีวิต แล้วมีชีวิตรอดอยู่บนโลกนี้ต่อไป

          ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ต่างๆที่ถูกหยิบยกขึ้นมาดังกล่าว อาจจะเคยเกิดขึ้นกับตัวเราเองหรือเคยได้ยินได้ฟังมาจากสื่อต่างๆ แล้วทำไมเราช่างลืมมันได้ง่ายดายเสียจริงๆ  ในทุกๆวันของเรายังคงปล่อยเวลาให้มันผ่านไปกับกาลเวลา ที่ไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย โดยไม่คิดถึงค่าของเวลาเท่าใดนัก

         เวลาสำหรับทุกๆคนบนโลกนี้มีเท่ากัน โดยที่ 1 วันมี 24 ชั่วโมง แต่ก็ใช่ว่าทุกคน จะได้ค่าของเวลาที่เท่ากัน เพราะมันอยู่ที่การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพและได้ประโยชน์สูงสุดเพียงใด แล้วเคยสงสัยหรือไม่ว่า เวลาของคุณ มีค่า เท่าไร

ประเมินค่าเวลา จากการสร้างเงิน

          ทำไมคนรวย ชอบกล่าวกันว่า เวลาของเขาเป็นเงินเป็นทองนะ จะปล่อยทิ้งขว้างไม่ได้   ก็เพราะเวลาของพวกสามารถประเมินค่าได้ ตามความสามารถในการสร้างเงิน ซึ่งปกติแล้วคนรวยเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับค่าของเงินเท่าไรนัก  เพราะพวกเขารู้ดีว่าเงินทองหากสูญเสียไปก็ยังหาใหม่ได้  แต่พวกเขารู้ดีว่า ค่าของเวลาที่สูญเสียไปนั้น ไม่สามารถย้อนกลับไปปรับปรุงหรือแก้ไขอะไรใหม่ได้อีกแล้ว   คนรวยจึงให้ความสำคัญกับเวลากับเรียนรู้ทางด้านการเงินและการลงทุน  เพราะพวกเขารู้ว่าคุณค่าของเงินสามารถสร้างความสุขได้

           เรามาดูกันว่ามูลค่าของเวลาระหว่างคนรวย VS คนที่มีรายได้ตามเงินเดือนขั้นต่ำสำหรับวุฒิปริญญาตรี แตกต่างกันเท่าไร

           มูลค่าเวลาสำหรับคนจบปริญญาตรี  ตามรายได้ขั้นต่ำ โดยเอารายได้ตั้ง แล้วหารด้วยจำนวนนาทีในหนึ่งเดือน สมมุติเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท ซึ่งใน 1 เดือน มี 43,200 นาที  ก็เท่ากับว่า 1 นาที   เวลาจะมีค่า เท่ากับ 0.347  บาท หรือประมาณ 35 สตางค์/นาที

        มูลค่าเวลาของคนรวยๆ อย่างมหาเศษรฐีเมืองไทย ยกตัวอย่าง คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของ CP ,7-11  โดยคิดจากรายได้ของบริษัท CPF & CP ALL ที่แสดงไว้ในตลาดหลักทรัพย์  ในปี 2558 ซึ่งมีรายได้  ประมาณ 8 แสนล้านบาท เท่ากับว่า มูลค่าเวลาของคุณธนินท์ เจียรวนนท์  จะมีค่ากับ 1.6 ล้านบาท/นาที เลยที่เดียว

         แล้วคนรวยที่สุดในโลกอย่าง บิล เกตส์ เจ้าพ่อ ไมโครซอฟต์  จากข้อมูลไตรมาส 3 ปี 2557 เขามีรายได้ประมาณ 7 แสนล้านบาท   ดังนั้นมูลค่าเวลาของท่าน บิล เกตส์ เท่ากับ 5 ล้านบาทต่อนาที เลยที่เดียว

        คงเห็นมูลค่าและคุณค่าของเวลามากขึ้นแล้วใช่ไหมละครับ  คนรวยที่ประสบความสำเร็จ ค่าเวลาของพวกเขามันชั่งแพงเสียจริงๆ

เมื่อค่าของเวลาคือ ต้นทุนชีวิต แล้วเราเสียเวลาไปกับอะไร

• เสียเวลาเล่าเรียน ตั้งแต่เตรียมอนุบาลถึงปริญญาตรี ที่ใช้เวลาถึง 23 ปี ทั้งๆที่บางคนไม่ได้ใช้ความรู้ที่เล่าเรียนมา ในการทำงานเพื่อหาเงิน ดังนั้นก่อนจะเลือกเรียนอะไร ต้องรู้และจงทำนายให้ได้ว่า เราจะได้รับประโยชน์อะไรจากการศึกษา และให้มั่นใจก่อนว่า จะเอาความรู้ที่ได้ไปสร้างมูลค่าเวลาอย่างไรถึงจะได้รับประโยชน์มากที่สุด

• สูญเสียเวลากับการทำงานที่ไม่ใช่ เพราะถึงแม้ว่าจะทำงานเป็นสิบๆปี แต่ก็ยังไม่มีเงินและทรัพย์ใดๆ แถมยังมีแต่หนี้สินที่เพิ่มขึ้น จงเรียนรู้การเงินการลงทุนให้มากขึ้น โดยเริ่มต้นจากการแบ่งเวลาไปทำอาชีพเสริม เพื่อค้นหางานที่ใช่ ที่สามารถสร้างเงินและทำให้เราเป็นผู้ที่มีอิสรภาพทางการเงินได้

• เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ ด้วยการจับกลุ่มกับเพื่อนแล้วเม้าท์เรื่องของคนอื่น ทั้งๆที่เรื่องของตนเองคิดไม่ได้ ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ควรเอาเวลาที่อยากจะรู้เรื่องของคนอื่น ไปอ่านหนังสือ เพื่อพัฒนาปรับปรุนตนเองให้ดีขึ้นจะดีกว่า

• เสียเวลากับการลงทุนที่ไม่ถูกต้อง แทนที่จะเสียเวลาเพื่อเอาสมุดบัญชีไปตรวจสอบกับธนาคาร ทั้งที่ๆยอดสิ้นปี คงได้ดอกเบี้ยไม่ถึงร้อยบาท เพราะการฝากเงินกับธนาคารทำให้เราเสียโอกาส ในการใช้เงินลงทุนในทรัพย์สินที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยแบบก้าวกระโดดได้

• สูญเสียเวลากับการเที่ยวเตร่ ดูหนัง ฟังเพลง ไร้สาระ ถึงจะมีประโยชน์ทางจิตใจ แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ในการใช้เงินสร้างเงิน  ให้เงินทำงาน ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นในการสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

• เสียเวลากับการที่ทำอะไรสักอย่าง  แต่ไม่มีเป้าหมายหรือการไม่รู้ว่าทำไปทำไม จะได้ผลลัพธ์อะไรเป็นการตอบแทน  จงคาดหวังผลลัพธ์ที่คุ้มค่าก่อนจะลงมือทำสิ่งต่างๆ ตามสมการแห่งความสำเร็จ

• การเสียเวลากับการดูทีวี ดูละคร ยิ่งละครน้ำเน่าเรายิ่งชอบ  ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องสมมุติ แต่ก็ขอให้ได้วิจารณ์นางเอก-พระเอกแม่งช่างโง่จัง แต่ก็ยังคงติดตามทุกตอนที่ละครแสดง

• การเสียเวลากับการทำงานที่ไร้แผนปฏิบัติ  จึงไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอย่างไร เพื่อให้ได้งานออกมามีคุณภาพมากที่สุด จนทำให้ต้องสูญเสียเวลากับงานไม่เกิดมูลค่าเช่น จะทอดไข่เจียวแต่ไม่ได้เตรียมน้ำมันพืช จึงต้องเสียเวลาเดินทางออกไปซื้อน้ำมัน

• เสียเวลากับการคบเพื่อนที่เกเร ที่ชอบทำร้ายคนอื่นให้เดือดร้อน แล้วให้คนหาเพื่อนที่ดีแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง

• เสียเวลากับการเล่นเกมส์ไร้สาระ ถึงจะสร้างความเพลิดเพลินในชีวิตได้ แต่ก็เสียเวลาไปกับสิ่งไร้ค่า

• เสียเวลากับการประชุมที่ไม่มีวัตถุประสงค์ จึงไม่สามารถตัดสินใจ สรุปผลและติดตามความคืบหน้าของงานได้

• เสียเวลากับการรอคอยบางอย่าง ที่ไม่รู้ว่าจะได้อะไรเป็นการตอบแทน

• เสียเวลากับการท้อแท้สิ้นหวัง หมดอะไรตายอยาก คิดแต่เรื่องลบๆ

เวลา มีค่า แล้วในอดีตที่ผ่านมา เราปล่อยเวลาที่มีค่าทิ้งไปกับสิ่งที่ไม่มีค่า คิดเป็นต้นทุนชีวิตเท่าไร

          การประเมินมูลค่าเวลาจากเรื่องไร้สาระ 1 เรื่อง เช่นการสูญเสียเวลากันการดูละคร วันละ 1 ชั่วโมง  และใน 1 ปี มี 365 วัน แสดงว่า เราต้องเสียต้นทุนชีวิตจากการดูละครทั้งปี เป็นเวลาถึง 21,900 นาที  สำหรับมนุษย์เงินเดือน มีรายได้เดือนละ 15,000 บาท ก็สูญเสียเวลาที่ตีเป็นมูลค่าเงินถึง 7,665 บาทต่อปี เลยที่เดียว

         แล้วลองคิดดู หากดูทีวีดูละครวันละชั่วโมง เป็นเวลา 10 ปี  เราจะต้องสูญเสียมูลค่าของเวลา ซึ่งเป็นต้นทุนชีวิต…..เท่าไร?

         แล้วถ้าหากเรามีรายได้เท่ากับคุณธนินท์ ต้นทุนชีวิตจากการดูละครจะมีค่าสูงถึง  35,040 ล้านบาทต่อปีเลยที่เดียว โอ้วว… โน้ว… คิดดูเล่นๆ  แต่คนรวยเขาคงไม่ทำกัน 555

          เพราะการไม่รู้ว่า จะมีเวลาสำหรับวันพรุ่งนี้อีกหรือไม่ จงให้ความสำคัญกับเวลา ทุกๆนาที อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ  ยกเลิกพฤติกรรมที่เสียเวลาไปกับสิ่งที่เปล่าประโยชน์ เพราะเวลามันเป็นต้นทุนชีวิต

เวลา มีค่า คิดและทำอย่างไร ถึงจะใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

1. ตั้งเป้าหมาย ด้านรายได้ เช่น อยากมีรายได้ปีละ 1 ล้านบาท แสดงว่าต้นทุนชีวิตของเราจะมีค่า 1.9 บาทต่อนาที  การตั่งเป้าหมายเป็นวิธีการหนึ่ง เพื่อป้อนความคิดเชิงบวกให้กับจิตใต้สำนึก ในการเตือนสติตนเอง ให้คิดถึงการเสียเวลากับสิ่งที่ไม่คุ้มค่าหรือกิจกรรมที่ไร้ค่าใดๆ เพราะมันคือต้นทุนชีวิต

2. เก็บข้อมูล ลงบันทึกประจำวันเพื่อเก็บข้อมูลเชิงสถิติว่า เสียเวลากับเรื่องอะไร คิดเป็นเวลาที่ไร้ค่ากี่นาทีต่อเดือน หลังจากนั้นคำนวณต้นทุนชีวิตที่สูญเสียไป  แล้วจะปรับปรุงการใช้เวลาให้ดีขึ้นได้อย่างไร

3. จัดลำดับของการสูญเสียเวลาที่ไร้ค่า แล้วเลือกเวลาที่ไร้ค่าลำดับต้นๆ

4. วางแผนปรับปรุงการใช้เวลาให้มีคุณค่ามากขึ้นเช่น เอาเวลาไปศึกษาหาความรู้ด้านการเงินการลงทุนหรือนำเวลาดังกล่าวไปเรียนรู้เป็นนักวางแผนการเงินหรือแผนต่างๆที่ดี โดยแผนที่ดีจะต้องรู้ได้ว่า เมื่อลงมือทำกิจกรรมนั้นๆจนสำเร็จแล้ว จะได้รับอะไรเป็นสิ่งตอบแทน แล้วประเมินว่าจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร

5. หลังจากได้แผนที่ดี ควรลงมือปฏิบัติจริงตามแผนที่ได้วางไว้ โดยใช้ความขยัน ความพยายามและความพากเพียรในการทำงาน จงมีเชื่อมั่นในศักยภาพและความสามารถที่ตนเองมี

6. เวลาที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ การติดตามการเปลี่ยนแปลงและการแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้นเสมอ หากสิ่งที่ลงมือทำอยู่นั้น มันไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ หรือแม้แต่การลงมือทำแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ จงอย่าท้อแท้ ควรเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากความล้มเหลว ปรับปรุงตนเอง ด้วยการศึกษาค้นคว้าหาความรู้  สร้าง Connection กับคนที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะพวกเขาจะช่วยเราลดเวลาในการสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ เวลา มีค่า เท่ากับเป้าหมายชีวิต

บทความน่าสนใจ  ใช้พลังบวก เพื่อทำให้ทุกวันทุกวันกลายเป็นวันของเรา