ผักปลอดสารพิษ เทคนิคบรรพบุรุษปลูกผักไว้รับประทาน เสริมวิตามินแร่ธาตุ ร่างกายแข็งแรง

                ถึงแม้ว่าผักจะตกอยู่ในเทรนด์ของคนรักสุขภาพ มีประโยชน์ให้พลังงานปริมาณต่ำ ไม่ว่าจะเป็น ผักออแกนิค ผักอินทรีย์ ผักไร้สารหรือ ผักปลอดสารพิษ จะอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ  ซึ่งมีสารอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้หุ่นสวย มีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดโรคเสื่อมต่างๆเช่น มะเร็ง ความดัน เบาหวาน เพิ่มภูมิต้านทานโรค ฯลฯ  แต่พบว่าปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว การกินผักสวนครัวไม่ได้ประโยชน์ แถมได้โรคจากยาฆ่าแมลงและสารเคมี ผักที่กินในปัจจุบันโดยส่วนใหญ่ เป็นผักที่เราไม่ได้เป็นคนลงมือปลูกเอง แต่เป็นผักที่ซื้อในตลาด แล้วนำมาประกอบเป็นอาหาร เพื่อรับประทาน

ผักปลอดสารพิษ

ผักปลอดสารพิษ

                 การเลือกซื้อผัก ปลอดสารพิษ ไร้เคมีก็ค่อนข้างลำบาก เพราะไม่รู้แหล่งที่มาของผักและวิธีการเพาะปลูก ผักสวนครัวที่มาจากภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย หรือแม้แต่ผักที่นำเข้าจากต่างประเทศเองก็ตาม  ผักสวนครัวเหล่านี้ ย่อมมีสารเคมีเจือปน เพราะตั้งแต่วิธีการปลูก การเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อความคงทนในการขนส่งและจัดจำหน่าย ผู้ประกอบการโดยส่วนมาก ย่อมมีความจำเป็นที่ต้องใช้สารเคมีทั้งนั้น

                เมื่อผู้บริโภคต้องการบริโภคผักสวนครัวที่สวย ใบสวย ดอกสวย กิ่งก้านสมบูรณ์ จึงยอมซื้อผักในราคาที่สูงได้ พ่อค้าคนกลางก็มักจะซื้อผักเฉพาะอันที่สวยและยังมีราคาดีด้วย คนขนส่งกลัวว่าผักจะเหี่ยวเฉา จึงใส่สารเคมีเพื่อรักษาความสด และที่สำคัญคือคนเพาะปลูก ก็มีจำเป็นต้องต่อสู่กับศัตรูของผักสวนครัวมากมาย ดังนั้นการเพาะปลูก เพื่อให้ได้ผักที่สวย จึงจำเป็นต้องพ่นยาปราบศัตรูพืช เพื่อลดการแย่งอาหารของพืชผัก  เมื่อมีแมลง เพลี้ยต่างๆ รบกวนก็จำเป็นต้องพ่นยาฆ่าแมลง  เมื่อผักแคระแกรนเจริญเติบโตไม่ดี เกรงว่าจะไม่ทันขาย ก็มักจะใส่ปุ๋ยเคมี ใส่ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต จะเห็นได้ว่าทั้งวัฎจักร การเจริญเติบโตของผัก จะได้รับสารเคมีทุกช่วงวัย ทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว

                เมื่อประมาณปี 2530 ในหมู่บ้านที่ผมเติบโต เมื่อเข้าช่วงฤดูหนาว ทุกบ้านจะไปตัดไม้ไผ่ป่ามาจักรสาน ทำเป็นรั้วกั้นเป็ดไก่ แล้วข้างในจะขุดแปลงผักสวนครัว หลายๆแปลง เพื่อปลูกผักหลากหลายชนิดที่ชอบรับประทาน เมื่อขุดดินขึ้นก็จะตากดินให้แห้ง ในวัยเด็กผมยังไม่รู้เหตุผลว่า ทำไมต้องตากดิน จึงตั้งถาม แต่คนแถวบ้านก็ตอบได้เพียงว่า เห็นเขาทำต่อๆ กันมา จึงขอชื่นชมว่าบรรพบุรุษของเรานี่ เก่งนะเนี่ย ที่รู้วิธีในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย จุลินทรีย์ในดินที่ไม่มีประโยชน์ก่อนการเพาะปลูก

             หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะนำปุ๋ยคอก จากขี้วัวขี้ควายมาหว่าน แล้วทำการพรวนดินให้เข้ากัน  รดน้ำให้ชุ่ม แล้วจึงนำเมล็ดผักสวนครัวที่แช่น้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วัน เอาขึ้นจากน้ำห่อผ้าทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน หลังจากนั้นก็นำเมล็ดผักหว่านลงไปบนแปลงผัก เกลี่ยดินกลบเล็กน้อย  ปกติในช่วงต้นฤดูหนาวข้าวนาปี ก็มักจะถูกเก็บเกี่ยว จึงมีฟางข้าวใช้สำหรับคลุมแปลงผัก เพื่อป้องกันการระเหยความชุ่มชื้นของน้ำในดิน เพราะในช่วงหน้าหนาวอากาศมักจะแห้ง ดินจะคายน้ำออกได้ง่าย

         เมื่อผักเจริญเติบโตเป็นต้นกล้า ก็จะทำการถอนออกไปปลูก ในแปลงที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งขั้นตอนการเตรียมดินเหมือนกัน ในช่วงที่เตรียมต้นกล้า  การขยายต้นกล้าไปปลูกก็มักจะทำในช่วงเย็น เพื่อป้องกันต้นกล้าเฉา และมักจะใช้กาบกล้วย คือเปลือกของต้นกล้วย มาปกคลุมต้นกล้าตอนกลางวัน แล้วจึงค่อยเปิดออกตอนเย็นๆ คลุมไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ และอย่าลืมต้องมีฟางข้าวคลุมดิน เพื่อป้องกันการเกิด ของวัชพืชและลดอัตราคายความชุ่มชื้นของดิน

          การรดน้ำให้ผักก็จะเป็นช่วงเช้า – เย็น ช่วงเติบโตก็จะใส่ปุ๋ยคอก เพื่อให้ผักมีอาหารเสริม ไปรับประทาน ให้ลำต้น ก้านใบแข็งแรงน่ากิน บางปีหากมีแมลงศัตรูพืชมาก ก็ใช้น้ำแช่ใบยาสูบพ่นไล่แมลง คุณสมบัติของน้ำใบยาสูบ ไม่ได้ทำหน้าที่ในการกำจัดแมลงให้ตาย จึงเป็นวิธีที่ช่วยรักษาระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

ดังนั้นจึงสามารถสรุป เทคนิคบรรพบุรุษ วิธีปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ ได้ดังนี้

  1. จำเป็นต้องเลือกฤดูในการเพาะปลูก จะเห็นได้ว่าช่วงปลายฤดูหนาวถึงร้อน มีแมลงที่เป็นศัตรูพืชมีน้อย

  2. มีการเตรียมดินที่ดี การตากดินเพื่อทำลายเชื้อโรค จุลินทรีย์ที่ทำลายพืชผัก ซึ่งเปนโรคที่เกี่ยวกับรากทำให้พืชไม่สามารถดูดซึ่มสารอาหารไปเลี้ยงลำต้น ดอกและใบได้

  3. การทำให้ต้นกล้า แข็งแรงก่อนนำไปปลูกและการถนอมต้นอ่อนของผักช่วงปลูกใหม่ๆ เป็นการป้องกันแมลงรบกวนและการกันแสงแดดที่ร้อนมากในช่วงกลาง ด้วยการคลุมด้วยกาบกล้วย

  4. การใช้ปุ๋ยคอก ที่ปลอดจากสารเคมี เพื่อไม่ให้ผักดูดซึมสารเคมี เข้าไปเก็บตามส่วนต่างๆ ผ่านกระบวนการสร้างอาหารของพืชและการสังเคราะห์แสง

  5. การใช้ฟางข้าวคลุมดิน นอกจากช่วยป้องกันการระเหยความชุ่มชื้นของผิวดินแล้ว ยังสามารถคุมกำเนิดของเมล็ดวัชพืชที่แย้งอาหารผักได้

  6. การใช้น้ำหมัก น้ำที่แช่ใบยาสูบ หรือใบพืชต่างๆ ที่มีกลิ่นฉุน เพื่อไล่แมลง แทนการใช้สารเคมี เพื่อลดการตกค้างของยาฆ่าแมลงในผักได้

  7. การทำรั้วกั้นเพื่อกั้นสัตว์ใหญ่ หมา แมว ไก่ ไปคุ้ยเขี่ยดิน เพื่อค้นหาหนอน ใส้เดือนกินเป็นอาหาร

ผักปลอดสารพิษ

          ถึงเป็นเทคนิคง่าย แต่เราไม่ควรมองข้าม หากยังรักสุขภาพตนเองให้ปลอดภัย จากสารพิษในผักสวนครัวที่ทำอาหาร ที่พวกเราเข้าใจดีว่า อาหารคือ สิ่งที่เรารับประทานเข้าไปในร่างกายแล้วมีประโยชน์ ต่อร่างกาย จึงควรประยุกต์ใช้ วิธีปลูก ผักปลอดสารพิษ ไว้รับประทาน กันเถอะครับ เพราะประโยชน์ ผักปลอดสารพิษ มีมากมายดังนี้

1. คนปลูกสุขภาพดี เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลง ยากำจัดศัตรูที่มีสารปรอท เมื่อสะสมในร่างกายมากๆ จะทำให้เกิดโรคเสื่อมต่างๆ ตามมา เป็นกลุ่มโรคที่มีความร้ายแรงมากกว่าเอดส์เช่น มะเร็งนั่นเอง

2. สิ่งแวดล้อมดี ไม่มีสารเคมีตกค้างในดินหรือการระเหยปนไปกับอากาศ จุลินทรีย์ ใส้เดือน สัตว์ที่มีประโยนช์ในดินก็จะไม่ถูกทำลาย ดินก็จะไม่เสื่อมสภาพง่ายๆ แถมยังมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

3. ช่วยรักษาคุณค่าของผัก ให้อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไฟโตนิวเทรียนท์เป็นสารเคมีของพืช ที่ช่วยรักษาโรคในร่างกายมนุษย์ได้ การปลูก ผักปลอดสารพิษ จะไม่ฉีดพ่นเคมีที่มีสารพิษต่างๆ จึงไม่ทำให้วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ สูญสลายไป ปกติพืชหรือผักก็จะมีวิธีการรักษาโรคของตัวมันเอง เป็นกระบวนการรักษาความสะดุล เพื่อให้ตนเองอยู่รอดก็คล้ายๆ กับร่างกายมนุษย์ เมื่อผักได้รับสารเคมี ที่คนปลูกได้ฉีดพ่นหรือแม้แต่การใส่ปุ๋ยเคมี ผักก็จะใช้วิตามินที่สะสมไว้ ในลำต้น ใบ เพื่อไปจำกัดเคมีแปลกปลอมออกจากร่างกายเช่น ให้วิตามินซีเป็นตัวล้างสารพิษเป็นต้น

4. ลดต้นทุนการใช้สารเคมี ผักปลอดสารพิษ เป็นวิธีการปลูกและการดูแล โดยธรรมชาติ เพื่อดูแลธรรมชาติ ใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ ควบคุมการเกิดของวัชพืช ด้วยการใช้ฟางคลุมดิน

5. ช่วยเหลือประเทศ ลดการนำเข้าสารเคมี ลดปริมาณเงินในประเทศไหลออก ช่วยทำให้ประเทศไม่ขาดดุลการค้า เนื่องจากเราส่งออกพืชผลทางการเกษตร จำเป็นต้องใช้สินค้าปริมาณมาก เป็นตันๆกิโลกรัม เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลิตภัณฑ์เคมี ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ฯลฯ จากต่างประเทศเพียงไม่กี่ลิตร

6. รัฐบาลสามรถประหยัดงบประมาณ ในการดูแลประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วย อันเกิดขึ้นจากโรค เพราะสารเคมีในผักเป็นต้นเหตุ ปัจจุบันจากข้อมูลเชิงสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า การเกิดโรคเสื่อมต่างๆ ของประชากรในประเทศมีแนวโน้มสุงขึ้นทุกๆ ปี  และยังสอดคล้องกับปริมาณการใช้สารเคมีภาคการเกษตร ก็ยังมีปริมาณสูงขึ้นอีกด้วย

7. ผู้บริโภค คือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์โดยตรง จากคุณค่าสารอาหาร ที่มีคุณประโยชน์มากมายในผัก การบริโภค ผักปลอดสารพิษ ที่หลากหลายสี และได้รับในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย จะช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคให้สูงขึ้น อัตราการเจ็บป่วยจะต่ำลง มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนโดยไม่เป็นโรค ซึ่งเรามักจะได้ยิน จากข่าวบ้านเมืองต่างๆ พบว่า คนที่อายุยืนโดยส่วนใหญ่ มักจะกินอาหารจำพวกพืชผักมากกว่าเนื้อสัตว์

8. ลดการพึ่งพา ลดการฝากชีวิตไว้กับตลาด ด้วยการปลูก ผักปลอดสารพิษ ไว้รับประทานเอง อาศัยหลักปราชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9  พึ่งพาตนเอง รู้จักประมาณตนเอง พออยู่พอกิน  เมื่อเหลือกินแล้วจึงค่อยแจกจ่าย ขายให้คนอื่นด้วยความห่วงใย สุขภาพซึ่งกันและกัน

บทความที่น่าสนใจ

ผักสวนครัวรั้วกินได้ วิธีปลูก ผักสวนครัว ตามรอยพ่อ ตามวิถี เศรษฐกิจพอเพียง

คลิป เครื่องหยอดเหรียญ ลงทุนหลักหมื่น กำไรเป็นแสน https://www.youtube.com/watch?v=-evN8YoIS8E&t=101s

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *