รถยนต์ไฟฟ้า Electrical vehicle : EV ในอนาคตของประเทศไทย
การคมนาคมนับได้ว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ สำหรับการขนถ่ายสินค้า การท่องเที่ยว การเดินทาง โดยการขนส่งทางบกนั้นนับได้ว่า มีการใช้พลังงานในปริมาณมาก นอกจากนี้ก็ยังปล่อยไอเสีย ซึ่งมีผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งในแง่สิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม จากฝุ่นละอองและควันพิษต่างๆ แล้วยังมีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์ โดยเฉพาะรถยนต์นับได้ว่าเป็น ตัวการหลักในการปล่อยไอเสียทำให้อากาศเสีย
นอกจากนี้การใช้พลังงานน้ำมันที่สะกัดจากฟอสซิล ที่พวกเรารู้กันดีว่าในอนาคตจะต้องหมดไป หรือแม้แต่กระบวนการกลั่นก็ยังปลดปล่อยมลภาวะ จึงกลายเป็นที่มาของการวิจัยและพัฒนาพลังงานสะอาด ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอย่างแพร่หลาย ซึ่งไทยเองก็ได้ให้ความสนใจกับการนำ รถยนต์ไฟฟ้า มาปรับใช้
![](https://i0.wp.com/besterlife.com/wp-content/uploads/2018/12/5.jpg?resize=300%2C168)
รถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electrical vehicle : EV เป็นยานพาหนะที่ใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานแทนน้ำมันหรือเชื้อเพลิงอื่นๆ โดยพลังไฟฟ้าจากชุดแบตเตอรี่ไปจ่ายให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า แปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล เพื่อการขับเคลื่อนล้อ ซึ่งในต่างประเทศและมีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง โดยจะเห็นได้จากค่ายรถยนต์ชั้นนำทั่วโลก ต่างหันมาให้ความสำคัญ
![](https://i0.wp.com/besterlife.com/wp-content/uploads/2018/12/1-1.png?resize=341%2C148)
อาทิเช่นบริษัทนิสสันมอเตอร์จำกัด ได้เปิดตัวรถ Nissan leaf รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมกับนวัตกรรม และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีของการขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร ในขณะที่ค่าย BMW ได้ประกาศว่า รถยนต์ทุกรูปแบบในเครือของบริษัท จะจำหน่ายเป็นรถ EV ภายใน ค.ศ. 2025 รวมถึงมินิที่เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นผลิตจริง ในปี ค.ศ.2019 เป็นต้น
สำหรับประเทศไทยเอง ทางสถาบันปฏิรูปแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีการจัดทำข้อเสนอโครงการปฏิรูปเรื่องการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทยขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงาน พ. ศ. 2558-2579 (Energy Efficiency Plan) แผน EEP: 2015 ที่มีเป้าหมายจะลดความเข้มการใช้พลังงานในปี 2579 เมื่อเทียบกับปี 2553 ลงร้อยละ 30
ดังนั้นสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายดำเนินการในส่วนนี้ จึงจัดทำแผนขับเคลื่อนภารกิจพลังงานและได้ตั้งเป้าหมายในการส่งเสริม เพื่อให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2579 รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคัน โดยมีแผนดำเนินการแบ่งออกเป็น 4 ระยะดังนี้
ระยะที่ 1 ระหว่างปี 2559 ถึง 2560 เป็นขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายของการอนุญาตและการสนับสนุนงานวิจัยเรื่องแบตเตอรี่ โดยเน้นนำร่องกลุ่มรถโดยสารสาธารณะจำนวน 200 คัน เฉพาะจุดเช่นรถรับส่งพนักงานของบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) รถรับส่งสุวรรณภูมิ-พัทยา รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านสถานี Charging Station เป็นต้น
ระยะที่ 2 ปี 2560 ถึง 2563 มุ่งเน้นการดำเนินงานเชิงวิจัยอย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องสมรรถนะแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า รวมทั้งเพิ่มจำนวนรถและจุด Charger Station ให้เพียงพอ
ระยะที่ 3 ปี 2564 ถึง 2578 เป็นช่วงขยายผลการศึกษาให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
ระยะที่ 4 ปี 2579 เป็นต้นไป คาดหวังว่า รถยนต์ไฟฟ้า จะเข้ามาแทนที่รถน้ำมันได้อย่างเต็มที่
![](https://i0.wp.com/besterlife.com/wp-content/uploads/2018/12/9.png?resize=263%2C192)
ปัจจุบันองค์ความรู้ของกลุ่ม ปตท.และผลิตรถยนต์โดยสารสาธาณะพลังงานไฟฟ้าขึ้นในไทย 3 คัน ประกอบด้วย รถโดยสารทั่วไป 2 คัน และรถที่มีการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษรองรับผู้พิการ 1 คัน แต่ละคัน สามารถรองรับผู้โดยสารนั่งได้จำนวน 20 คน ผู้โดยสารยืนจำนวน 20 คน รวม 40 คน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมระบบปรับอากาศภายในตัวรถ และมีการติดตั้งชุดชาร์จ ณ. อาคารเอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับส่งพนักงานในกลุ่ม ปตท. ข้าราชการกระทรวงพลังงานและประชาชนที่มีการติดต่อกับราชการ
รวมทั้งการเปิดตัวสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า PTT EV Station ทั้งสิ้น 6 แห่ง ได้แก่
1)จุดชาร์จ ธนาคาร ปตท.สำนักงานใหญ่
2)สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
3)สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาแหลมฉบังขาออก จังหวัดชลบุรี
4)สถานีน้ำมัน ปตท. สาขา The Crystal PTT ถนนไชยฤกษ์
5)สถานีน้ำมัน ปตท. สาขาสวัสดิการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม บางนาขาเข้า
6)สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาสวัสดิการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม บางนาขาออกนอก เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ควบคู่ไปกับการศึกษาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
![](https://i0.wp.com/besterlife.com/wp-content/uploads/2018/12/7.png?resize=287%2C176)
จากนี้กระทรวงพลังงานได้ดำเนินโครงการ สนับสนุนการเปลี่ยนรถตุ๊กตุ๊กเป็นรถตุ๊กๆไฟฟ้า E tuktuk โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนรถตุ๊กตุ๊กเก่า ที่ใช้น้ำมันและก๊าซ LPG เป็นรถตุ๊กๆไฟฟ้าภายใน 5 ปี เพื่อลดการใช้น้ำมันและก๊าซ และลดการปล่อยควันพิษ โดยจะนำร่อง 100 คันแรกภายในปี 2561 แล้วจะทยอยทำให้ครบ 22000 คันทั่วประเทศ ซึ่งเน้นการนำร่องการใช้ในกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ และจะขยายผลไปสู่ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าควบคู่ไปกับการศึกษาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ารวมถึงระบบการจัดการต่างๆ เพื่อให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลต่อไป
![](https://i0.wp.com/besterlife.com/wp-content/uploads/2018/12/11.png?resize=340%2C148)
อย่างไรก็ตามภาครัฐจำเป็นต้องคำนึงถึงเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติและซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงควรหาแหล่งพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการคำนึงถึงราคาที่มีความเหมาะสมกับผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้เกิดการร่วมมือในการใช้รถไฟฟ้าในประเทศไทย ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อการคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยในอนาคตดีขึ้นอย่างเป็นรูปประธรรมอีกด้วย
บทความที่น่าสนใจ เชื้อเพลิงรถยนต์ ก้าวสู่ยุคพลังงานไร้ขีดจำกัดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ขอขอบคุณที่มาจาก www. enconfund.go.th,
http:// app.energy.go.th/pages/news_detail.php? id=124
https:// thaipublica.org/2017/06/ptt-ev-bus-31-5-2560/